ธปท. ระบุปัญหาหนี้สินของกรีซอาจทำให้ตลาดการเงินโลกผันผวนต่อเนื่อง พร้อมเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เงินบาทเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ ย้ำความพร้อมในการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินของไทย
นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่วงประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า จากปัญหาหนี้กรีซที่เร่งตัวขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น และมีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) กดดันให้ราคาพันธบัตรสหรัฐฯ และเยอรมนีปรับเพิ่มขึ้น เงินเยนแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าลง ด้านตลาดการเงินภูมิภาคก็สะท้อนให้เห็นความเชื่อมั่นที่ปรับลดลงผ่านทั้งค่าเงินภูมิภาค และตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับลดลง โดยเงินวอน (KRW) และเงินริงกิต (MYR) อ่อนค่าลงกว่าร้อยละ 0.75 และร้อยละ 0.41 ตามลำดับ ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์ Shanghai ปิดตลาดลดลงสูงสุดที่ร้อยละ 3.34
ด้านตลาดการเงินไทย ค่าเงินบาทเปิดตลาดอ่อนค่าลงรวดเร็วในช่วงเช้าท่ามกลางธุรกรรมที่เบาบาง ก่อนจะกลับแข็งค่า และเคลื่อนไหวมีเสถียรภาพในช่วงบ่าย โดยรวมอ่อนค่าลง ร้อยละ 0.15 และ SET Index ปรับลดลง 6.84 จุด หรือร้อยละ 0.45 แม้ระหว่างวันจะปรับลดลงกว่า 22 จุด ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยเคลื่อนไหวในกรอบ และปิดตลาดเปลี่ยนแปลงเพียง -2 ถึง 0 bps. จากวันก่อนหน้า
โดยในช่วงสัปดาห์นี้ ตลาดการเงินโลกน่าจะมีความผันผวนเป็นระยะๆ จากความไม่แน่นอนในสถานการณ์ปัญหาหนี้กรีซ ซึ่งจะส่งผลทางอ้อมต่อค่าเงินยูโร ซึ่งทาง ธปท. จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเพื่อดูแลรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินไทย
นักบริหารเงิน เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.76/78 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าจากช่วงเย็นวานนี้ (29 มิ.ย.) ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.85/86 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนวันนี้ (30 มิ.ย.) คาดว่า เงินบาทจะแกว่งอยู่ในกรอบแคบๆ เพราะตลาดยังรอดูเรื่องการชำระหนี้ของกรีซที่จะครบกำหนดในวันนี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศก็ยังไม่มีอะไรน่าสนใจมาก ทั้งนี้ นักบริหารเงินคาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.75-33.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ