“AMATA” จับมือ “โซเด็กซ์โซ่” ตั้ง บ.ร่วมทุน “AFS” เปิดเกมรุกธุรกิจบริการในนิคมอุตฯ แบบบูรณาการ “วิกรม” มั่นใจรายได้โตก้าวกระโดดแน่
บมจ.อมตะคอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ลงนามในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น ร่วมกับบริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ผู้ให้บริการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจรอันดับหนึ่งจากประเทศฝรั่งเศส เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ แบบบูรณาการ โดยให้บริการในสิ่งที่จำเป็น และสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย เพื่อความเป็นอยู่ของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น จัดกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งช่วยสร้างความมั่นใจ รวมทั้งผลักดันให้พนักงานมีคุณภาพเพื่อเป็นรากฐานที่ดีในการทำงาน
มร.อาร์โนด์ เบียเลคกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดย บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส (AFS) ถือหุ้น 40% บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ถือ 60% โดย AFS จะทำการตลาดด้วยการหาลูกค้าโดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า ขณะที่ะโซเด็กซ์โซ่จะส่งทีมบุคลากร และนำเทคโนโลยีเข้าไปดูแล ให้บริการ ซ่อมบำรุงให้แก่บริษัทของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าลดต้นทุนได้ราว 5-10% หรือไม่เกิน 10%
ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนดังกล่าวตั้งเป้าผลงานในปีแรก (6 เดือนหลังของปีนี้) ราว 10-20 ล้านบาท และภายใน 5 ปีจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท
“งานเซอร์วิสปีแรกๆ รายได้จะน้อยแต่จะขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้ามีการเซ็นสัญญาลูกค้าต่อเนื่อง ปีนี้เพิ่งเริ่มต้นมีรายได้ 10-20 ล้านบาทก็ดีแล้ว และใน 5 ปี รายได้ 1,000 ล้านบาทก็ดี ในแง่การลดค่าใช้จ่าย หรือลดต้นทุนให้ลูกค้าเริ่มต้นจะต่ำกว่า 10% แต่ถ้า save ได้ 5% จากวอลุ่มที่เยอะก็คุ้ม” มร.อาร์โนด์ กล่าว
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะคอร์ปอเรชัน (AMATA) กล่าวว่า รายได้ของบริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซล จำกัด จะก้าวกระโดด เพราะเมื่อโรงงานใหม่ที่เข้ามาอยู่ในนิคมฯ เราก็จะมีการเข้าไปพูดคุยเจรจาตั้งแต่ day one ซึ่งจะเปิดให้บริษัทร่วมทุนดังกล่าวเข้าไปเจรจาได้เลย ถ้าได้ตามแผนเราก็จะโตก้าวกระโดด เพราะโรงงานที่เข้ามาอยู่ในอมตะไม่เล็ก เชื่อว่าเมื่อเข้าเจรจา หรือเสนองานบริการลูกค้าจะสนใจเพราะช่วยลดต้นทุน บริหารค่าใช้จ่ายให้ประหยัดได้แน่นอน
“ลูกค้าหลักเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่แล้วในนิคมฯ และพวกที่กำลังจะเข้ามาจะ save ที่สุด เพราะเราจะคุยตั้งแต่ day one ส่วนรายที่เซ็นสัญญาไปแล้วก็ให้บริษัทร่วมทุนดังกล่าวเข้าไปคุย AMATA ก็เข้าไปคุยด้วย มั่นใจรายได้โตก้าวกระโดดแน่” นายวิบูลย์ กล่าว
บมจ.อมตะคอร์ปอเรชั่น (AMATA) เปิดเผยว่า บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ลงนามในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น ร่วมกับบริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ผู้ให้บริการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจรอันดับหนึ่งจากประเทศฝรั่งเศส เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน คือ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพนักงานในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ แบบบูรณาการ โดยให้บริการในสิ่งที่จำเป็น และสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย เพื่อความเป็นอยู่ของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น จัดกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งช่วยสร้างความมั่นใจ รวมทั้งผลักดันให้พนักงานมีคุณภาพเพื่อเป็นรากฐานที่ดีในการทำงาน
มร.อาร์โนด์ เบียเลคกิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดย บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส (AFS) ถือหุ้น 40% บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ถือ 60% โดย AFS จะทำการตลาดด้วยการหาลูกค้าโดยเฉพาะในนิคมอุตสาหกรรมของอมตะทั้งลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า ขณะที่ะโซเด็กซ์โซ่จะส่งทีมบุคลากร และนำเทคโนโลยีเข้าไปดูแล ให้บริการ ซ่อมบำรุงให้แก่บริษัทของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าลดต้นทุนได้ราว 5-10% หรือไม่เกิน 10%
ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนดังกล่าวตั้งเป้าผลงานในปีแรก (6 เดือนหลังของปีนี้) ราว 10-20 ล้านบาท และภายใน 5 ปีจะมีรายได้ 1,000 ล้านบาท
“งานเซอร์วิสปีแรกๆ รายได้จะน้อยแต่จะขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้ามีการเซ็นสัญญาลูกค้าต่อเนื่อง ปีนี้เพิ่งเริ่มต้นมีรายได้ 10-20 ล้านบาทก็ดีแล้ว และใน 5 ปี รายได้ 1,000 ล้านบาทก็ดี ในแง่การลดค่าใช้จ่าย หรือลดต้นทุนให้ลูกค้าเริ่มต้นจะต่ำกว่า 10% แต่ถ้า save ได้ 5% จากวอลุ่มที่เยอะก็คุ้ม” มร.อาร์โนด์ กล่าว
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บมจ.อมตะคอร์ปอเรชัน (AMATA) กล่าวว่า รายได้ของบริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซล จำกัด จะก้าวกระโดด เพราะเมื่อโรงงานใหม่ที่เข้ามาอยู่ในนิคมฯ เราก็จะมีการเข้าไปพูดคุยเจรจาตั้งแต่ day one ซึ่งจะเปิดให้บริษัทร่วมทุนดังกล่าวเข้าไปเจรจาได้เลย ถ้าได้ตามแผนเราก็จะโตก้าวกระโดด เพราะโรงงานที่เข้ามาอยู่ในอมตะไม่เล็ก เชื่อว่าเมื่อเข้าเจรจา หรือเสนองานบริการลูกค้าจะสนใจเพราะช่วยลดต้นทุน บริหารค่าใช้จ่ายให้ประหยัดได้แน่นอน
“ลูกค้าหลักเป็นโรงงานที่ตั้งอยู่แล้วในนิคมฯ และพวกที่กำลังจะเข้ามาจะ save ที่สุด เพราะเราจะคุยตั้งแต่ day one ส่วนรายที่เซ็นสัญญาไปแล้วก็ให้บริษัทร่วมทุนดังกล่าวเข้าไปคุย AMATA ก็เข้าไปคุยด้วย มั่นใจรายได้โตก้าวกระโดดแน่” นายวิบูลย์ กล่าว