“คลัง” เผยยอดหนี้สาธารณะสิ้นเดือน เม.ย.58 อยู่ที่ระดับ 43.46% ของจีดีพี หรือเป็นเงิน 5.78 ล้านล้านบาท โดยมีหนี้ต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนเพียง 6.46% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพ และความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ โดยเป็นหนี้ระยะยาวถึง 97.14% และมีหนี้ระยะสั้นเพียง 2.86% เท่านั้น
นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ในฐานะโฆษก สบน.เผยยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ 30 เมษายน 2558 มีจำนวนทั้งสิ้น 5,775,710.53 ล้านบาท หรือคิดเป็น 43.46% ของ GDP เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 45,191.30 ล้านบาท
โดยหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 43,306.28 ล้านบาท มาจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้น จำนวน 42,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ จำนวน 1,437.26 ล้านบาท ประกอบด้วย การให้กู้ต่อแก่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 1,274.73 ล้านบาท
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง รถไฟสายสีแดง และโครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร (ระยะที่ 2) จำนวน 40.21 ล้านบาท และการเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนนนทบุรี 1 จำนวน 122.32 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินกู้ภายใต้ พ.ร.ก.บริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ จำนวน 130 ล้านบาท และการชำระหนี้ที่กู้มาเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน จำนวน 516.67 ล้านบาท
ส่วนหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินมียอดหนี้คงค้างเพิ่มขึ้น 6,828.53 ล้านบาท เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และการเบิกจ่ายเงินกู้มากกว่าชำระคืนต้นเงินกู้ ซึ่งในเดือนเมษายน 2558 มีการกู้เงินที่สำคัญ ได้แก่ การเบิกจ่ายเงินกู้เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และการออกหุ้นกู้ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม 2558
ขณะที่หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) มียอดหนี้คงค้างลดลง 3,777.27 ล้านบาท เนื่องจากการชำระหนี้เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แต่หนี้หน่วยงานของรัฐมียอดหนี้คงค้างลดลง 1,166.24 ล้านบาท เนื่องจากการชำระหนี้เงินต้นของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย และสำนักงานธนานุเคราะห์
สำหรับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนเมษายน 2558 จำนวน 5,775,710.53 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ในประเทศ 5,430,695.42 ล้านบาท หรือเท่ากับ 94.03% และหนี้ต่างประเทศ 345,015.11 ล้านบาท (ประมาณ 10,421.92 ล้านเหรียญสหรัฐ) หรือเท่ากับ 5.97% ของยอดหนี้สาธารณะคงค้าง และหากเปรียบเทียบกับเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน 161,103.29 ล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูล ณ 30 เมษายน 2558) หนี้ต่างประเทศจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 6.46% ของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพ และความมั่นคงในด้านการเงินของประเทศ โดยเป็นหนี้ระยะยาวถึง 5,610,347.45 ล้านบาท หรือ 97.14% และมีหนี้ระยะสั้นเพียง 165,363.08 ล้านบาท หรือ 2.86%