xs
xsm
sm
md
lg

ดี-แลนด์หันปักธงอสังหาฯ ชลบุรี ตั้งเป้าลงทุนปีละ 3-4 โครงการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศิริพงษ์ สมบูรณ์
ดี-แลนด์ ลุยปักธงอสังหาฯ ศรีราชา จ.ชลบุรี ชี้อนาคตเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะการลงทุนระบบคมนาคมจากรัฐมุ่งสู่ชลบุรี ระยอง เล็งลงทุนปีละไม่ต่ำกว่า 3-4 โครงการ ล่าสุด เปิดตัว “ดี คอมเพล็กซ์ ศรีราชา-นิคมปิ่นทอง 1” อาคารพาณิชย์พร้อมแบ่งห้องเพื่อปล่อยเช่า จับกลุ่มนักลงทุน

นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี-แลนด์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทจะชะลอการลงทุนโครงการประเภททาวน์เฮาส์ เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่มีปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวด และไม่อนุมัติเงินสินเชื่อให้ โดยจะหันมาเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ คอมเพล็กซ์แทน เพราะกลุ่มลูกค้ายังมีกำลังซื้อสูง

ที่ผ่านมา บริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการใน จ.สมุทรสาคร แต่ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายการลงทุนไปยัง จ.ชลบุรี เนื่องจากเล็งเห็นศักยภาพในทำเลภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นทั้งเมืองนิคมอุตสาหกรรม และเมืองท่องเที่ยว อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจยังเติบโตเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ มีทั้งภาคการท่องเที่ยว และแหล่งงาน เนื่องจากมีนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง มีพนักงาน ผู้บริหารทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่ทำงานในนิคมจำนวนมาก ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมากเช่นกัน ทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และเช่าอยู่อาศัย โดยเฉพาะที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี

นายศิริพงษ์ กล่าวต่อว่า ภาคตะวันออก เป็นเมืองที่ถูกวางไว้ให้เป็นศูนย์กลางด้านลอจิสติกส์ของประเทศแ ละในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะท่าเทียบเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ถึง 2 แห่ง คือ แหลมฉบัง และมาบตาพุด ทำให้เกิดการค้าการลงทุนอย่างมากมาย นิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่กว่า 70% ของประเทศอยู่ในภาคตะวันออก มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐอย่างมากมายมารองรับ ซึ่งล่าสุดได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูง นอกจากนั้น จังหวัดชลบุรียังเป็นเมืองที่ติดทะเลเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับโลกอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดมีความแข็งแกร่ง ทั้งด้านการผลิต การท่องเที่ยว พาณิชยกรรม อีกทั้งยังมี GPP ที่โตสูงกว่า GDP โดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะปี 2556 มีอัตราเติบโตสูงถึง 10% มีมูลค่ามากกว่า 700,000 ล้านบาท ในด้านอสังหาริมทรัพย์ ชลบุรีถือเป็นจังหวัดที่มีตลาดอสังหาริมทรัพย์โตเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากกรุงเทพฯ และมีอัตราการเพิ่มประชากรเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

สำหรับแผนการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตจะขยายการลงทุนไปยังภาคตะวันออกมากขึ้น โดยเฉพาะย่านศรีราชา จังหวัดชลบุรี ควบคู่กับการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในย่าน จ.สมุทรสาคร โดยปี 2559 ได้วางสัดส่วนการลงทุนใน 2 ภาคไว้ที่ 50:50 และปี 2560 จะปรับสัดส่วนการลงทุนในย่านศรีราชา เพิ่มเป็น 60% และสมุทรสาคร 40%

ในปี 2559 บริษัทมีแผนเปิดตัวใหม่ 3 โครงการ โดยเป็นการรุกตลาดทำเลศรีราชา 2 โครงการ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท ขณะนี้มีที่ดินรองรับแล้ว 1 แปลง อยู่ใกล้สวนเสือศรีราชา ตั้งอยู่บนพื้นที่ 24 ไร่ มูลค่าที่ดินกว่า 200 ล้านบาท คาดว่าจะพัฒนาเป็นโครงการในรูปแบบมิกซ์ยูส ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล ส่วนอีก 1 แปลง อยู่ในระหว่างการเจรจาซึ่งจะใช้พื้นที่ประมาณ 20 ไร่

อีก 1 โครงการ เป็นการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว แบรนด์ “เดอะ พราว” อย่างต่อเนื่อง ราคา 4-5 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 600 ล้านบาท ส่วนโครงการทาวน์เฮาส์คงชะลอการเปิดขายไปก่อน เนื่องจากที่ผ่านมา ปิดการขายได้ช้า อันเป็นผลพวงมาจากการพ่นพิษของโครงการรถยนต์คันแรก ทำให้ผู้บริโภคมีหนี้สินครัวเรือนมากขึ้น ส่งผลให้มียอดการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน (Reject) ในสัดส่วนถึง 15% คาดว่าสถานการณ์จะฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติได้ภายในอีก 2 ปี

นอกจากนี้ บริษัทฯยังสนใจที่จะพัฒนาคอนโดฯ ในย่านศรีราชา ขนาด 24 ตารางเมตร ราคาประมาณ 1 ล้านบาทขึ้นไปอีกด้วย ซึ่งคงต้องรอโอกาส และเวลาในการพัฒนา

“ถ้าศักยภาพการเงินพร้อม เราก็มีแผนที่จะรุกอสังหาฯ ในภาคอื่นๆ ต่อไปเช่นกัน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่ตอนนี้จะเน้นการลงทุนใน 2 จังหวัดนี้ก่อน โดยเฉพาะฝั่งภาคตะวันออก คงต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนาโครงการไม่ต่ำกว่า 5 ปี” นายศิริพงษ์ กล่าว

ส่วนความคืบหน้าโครงการ “ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา-นิคมปิ่นทอง 1” ซึ่งเปิดการขายเมื่อเดือน ก.ค.2558 ที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายแล้ว 70% โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นที่ 15 ไร่ เป็นอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้น ราคา 3.9-4 ล้านบาท โดยพัฒนาในรูปแบบอาคารพาณิชย์กึ่งอพาร์ตเมนต์ ชั้นล่างเป็นร้านค้า ชั้น 2-3 เป็นห้องพักอาศัยพร้อมเฟอร์นิเจอร์ แอร์ จำนวน 4 ห้องนอน มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง พื้นที่ใช้สอย 26-28 ตร.ม. เพื่อจับกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่า โดยค่าเช่าต่อห้องราว 4,000 บาท และพื้นที่ร้านค้าชั้น 1 ค่าเช่าราว 9,000 บาท/เดือน รวมค่าปล่อยเช่าต่อเดือนที่เจ้าของอาคารจะได้รับ 25,000 บาท หรืออัตราผลตอบแทน 7.6%

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ 1,000 ล้านบาท สูงกว่าปี 2557 อยู่ที่ 750 ล้านบาท และมียอดขายที่ 1,200 ล้านบาท จากปี 2557 ที่ 1,000 ล้านบาท

ปี 57 ที่ผ่านมา มีโครงการที่พักอาศัยในศรีราชา 241 โครงการ รวม 22,226 ยูนิต ขายได้ 7,988 ยูนิต มูลค่า 19,394 ล้านบาท ยังเหลืออีก 14,238 ยูนิต 34,000 ล้านบาท คาดว่าใช้เวลาอีก 1 ปีจึงจะขายหมด แต่ทั้งนี้มองว่าอนาคตตลาดยังเติบโตได้อีก โดยเฉพาะในย่านนิคมอุตสาหกรรม ส่วนโครงการอสังหาฯ ใน จ.ชลบุรี มีทั้งสิ้น 828 โครงการ 68,996 ยูนิต ขายได้แล้ว 23,218 ยูนิต มูลค่า 58,332 ยูนิต ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 45,778 ยูนิต มูลค่า 115,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะขายหมดภายใน 16 เดือน แม้ว่าอัตราการขายเริ่มช้าลงด้วยภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่เชื่อมั่นในศักภาพของทำเลยังน่าลงทุนในอนาคต


กำลังโหลดความคิดเห็น