ปธ.ไอแบงก์ ลั่นจุดยืนเป็นธนาคารอิสลามเพื่อชาวมุสลิม พร้อมเร่งหาพันธมิตรทางธุรกิจ ควบคู่แผนแยกหนี้ดี-หนี้เสีย คาดใช้เวลา 3-6 เดือน หรือต้นปี 59 จะได้เห็นโฉมหน้าใหม่ พร้อมเร่งแก้หนี้เสียอีก 2 หมื่นล้าน
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการที่เสนอซูเปอร์บอร์ด โดยระบุว่า ไอแบงก์จะต้องเร่งหาพันธมิตรร่วมทุนโดยเร็วเพื่อยกระดับมาตรฐานธนาคารให้ดีขึ้น โดยหลังจากนี้ธนาคารจะดำเนินการแยกสินทรัพย์ส่วนที่เป็นหนี้ดี และหนี้เสียออกจากกันเพื่อให้ง่ายในการต่อรองกับพันธมิตร และการตีราคาทรัพย์สิน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน โดยเร็วๆ นี้จะว่าจ้างที่ปรึกษาให้เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีหนี้เสียทั้งสิ้น 57,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของสินเชื่อรวม ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์หนี้เสียปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากธนาคารเร่งปรับโครงสร้างหนี้ และทำสัญญาไปแล้วกว่า 10,800 ล้านบาท ถ้าลูกหนี้ส่วนนี้กลับมาเป็นหนี้ดีก็จะทำให้เอ็นพีแอลลดลงระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ธนาคารยังเดินหน้าแก้หนี้เสียให้ได้อีกประมาณ 20,000 ล้านบาทภายในปีนี้ แต่อาจจจะไม่ได้ลดลงทั้งจำนวนทันที
สำหรับการเจรจาหาพันธมิตรจะดำเนินการควบคู่ไปกับการแยกหนี้ดีหนี้เสีย โดยคาดว่าจะเสร็จภายใน 3-6 เดือน หรือภายในต้นปี 2559 น่าจะเห็นธนาคารรูปแบบใหม่ ขณะที่กลุ่มเป้าหมายที่จะเป็นพันธมิตรจะเน้นกองทุนอิสลาม หรือธนาคารอิสลามของประเทศอื่น เพราะไอแบงก์ยังยึดหลักการเป็นธนาคารอิสลาม เพื่อรองรับการใช้บริการของกลุ่มชาวมุสลิม และเป็นไปตามที่ซูเปอร์บอร์ดให้ความเห็นชอบไว้
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการที่เสนอซูเปอร์บอร์ด โดยระบุว่า ไอแบงก์จะต้องเร่งหาพันธมิตรร่วมทุนโดยเร็วเพื่อยกระดับมาตรฐานธนาคารให้ดีขึ้น โดยหลังจากนี้ธนาคารจะดำเนินการแยกสินทรัพย์ส่วนที่เป็นหนี้ดี และหนี้เสียออกจากกันเพื่อให้ง่ายในการต่อรองกับพันธมิตร และการตีราคาทรัพย์สิน คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน โดยเร็วๆ นี้จะว่าจ้างที่ปรึกษาให้เข้ามาเป็นผู้ดำเนินการ
ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารมีหนี้เสียทั้งสิ้น 57,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของสินเชื่อรวม ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมา สถานการณ์หนี้เสียปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากธนาคารเร่งปรับโครงสร้างหนี้ และทำสัญญาไปแล้วกว่า 10,800 ล้านบาท ถ้าลูกหนี้ส่วนนี้กลับมาเป็นหนี้ดีก็จะทำให้เอ็นพีแอลลดลงระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ธนาคารยังเดินหน้าแก้หนี้เสียให้ได้อีกประมาณ 20,000 ล้านบาทภายในปีนี้ แต่อาจจจะไม่ได้ลดลงทั้งจำนวนทันที
สำหรับการเจรจาหาพันธมิตรจะดำเนินการควบคู่ไปกับการแยกหนี้ดีหนี้เสีย โดยคาดว่าจะเสร็จภายใน 3-6 เดือน หรือภายในต้นปี 2559 น่าจะเห็นธนาคารรูปแบบใหม่ ขณะที่กลุ่มเป้าหมายที่จะเป็นพันธมิตรจะเน้นกองทุนอิสลาม หรือธนาคารอิสลามของประเทศอื่น เพราะไอแบงก์ยังยึดหลักการเป็นธนาคารอิสลาม เพื่อรองรับการใช้บริการของกลุ่มชาวมุสลิม และเป็นไปตามที่ซูเปอร์บอร์ดให้ความเห็นชอบไว้