“ออมสิน” เกาะติดสถานการณ์หนี้ครูใกล้ชิด เผยยอดวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยไปผ่านโครงการ ช.พ.ค. สูงถึง 6 แสนล้านบาท หวั่นหนี้เสียพุ่งหลังมีปัญหาภายใน สกสค. เผยต้นตอเพดานสินเชื่อเดิมรายละ 5 แสน ได้ปรับเป็น 3 ล้านบาท อาจเป็นชนวนให้เกิดเอ็นพีแอล
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินอยู่ระหว่างการติดตามสินเชื่อครูอย่างใกล้ชิด และมีตัวแทนข้าราชการครูบางส่วนทำเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีขอผ่อนปรนเรื่องหนี้สินของครู ซึ่งในส่วนของธนาคารออมสิน มีการปล่อยสินเชื่อให้ครูคิดเป็นวงเงินกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา มียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ถึง 1% เนื่องจากได้ประสานความร่วมมือจากคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ให้ทำหน้าที่ในการติดตามหักชำระหนี้ให้ โดยมีข้อตกลงที่ธนาคารจะให้ค่าบริหารจัดการส่วนหนึ่ง และกรณีที่มีการค้างชำระหนี้ก็ให้ธนาคารหักเงินค่าบริการจัดการส่วนนี้ไปก่อนได้ จึงทำให้ยอดหนี้เอ็นพีแอลอยู่มีระดับไม่ถึง 1%
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่คณะกรรมการ สกสค.มีปัญหาหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งสอบกรณีการใช้เงินของ สกสค. แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการติดตามทวงหนี้ของธนาคาร เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร แต่ข้อตกลงระหว่างธนาคารกับ สกสค.ยังมีอยู่
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน ในฐานะผู้ปล่อยกู้ในโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. และธนาคารออมสิน ซึ่งขณะนี้มียอดปล่อยกู้กว่า 6 แสนล้านบาท อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาภายในของครู ซึ่งที่ผ่านมา วงเงินจำนวนนี้มีเพดานเพียง 5 แสนบาท ต่อมา ได้ขยายให้ปล่อยกู้ต่อคนได้มากถึง 3 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาหากครูไม่มีความสามารถในการชำระหนี้
ประกอบกับหลังมีการแก้ พ.ร.บ.สหกรณ์ เมื่อ 2-3 ปีก่อนที่อนุมัติให้สหกรณ์ คือ เจ้าหนี้รายแรกที่สามารถหักหนี้ในบัญชีเงินเดือนของครูได้ก่อนสถาบันการเงิน ส่งผลให้เงินเดือนครูหลังถูกเจ้าหนี้สหกรณ์หักไปแล้วอาจเหลือไม่พอจ่ายหนี้สถาบันการเงิน คือ ธนาคารออมสิน ทำให้ขณะนี้ธนาคารออมสินต้องเข้าไปดูแลลูกค้ากลุ่มอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดเอ็นพีแอลขึ้น
สำหรับภาพรวมการปล่อยสินเชื่อช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ที่ 1.77 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงปลายปีก่อน ขณะที่ภาพรวมเงินฝากอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านบาท อยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากธนาคารยังไม่มีการออกผลิตภัณฑ์มากระตุ้นการออม ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.7-1.8% และทั้งปีตั้งเป้าจะบริหารให้ไม่เกิน 1.7%
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินอยู่ระหว่างการติดตามสินเชื่อครูอย่างใกล้ชิด และมีตัวแทนข้าราชการครูบางส่วนทำเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีขอผ่อนปรนเรื่องหนี้สินของครู ซึ่งในส่วนของธนาคารออมสิน มีการปล่อยสินเชื่อให้ครูคิดเป็นวงเงินกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมา มียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ไม่ถึง 1% เนื่องจากได้ประสานความร่วมมือจากคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ให้ทำหน้าที่ในการติดตามหักชำระหนี้ให้ โดยมีข้อตกลงที่ธนาคารจะให้ค่าบริหารจัดการส่วนหนึ่ง และกรณีที่มีการค้างชำระหนี้ก็ให้ธนาคารหักเงินค่าบริการจัดการส่วนนี้ไปก่อนได้ จึงทำให้ยอดหนี้เอ็นพีแอลอยู่มีระดับไม่ถึง 1%
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่คณะกรรมการ สกสค.มีปัญหาหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สั่งสอบกรณีการใช้เงินของ สกสค. แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อการติดตามทวงหนี้ของธนาคาร เพราะเป็นเพียงการเปลี่ยนตัวผู้บริหาร แต่ข้อตกลงระหว่างธนาคารกับ สกสค.ยังมีอยู่
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน ในฐานะผู้ปล่อยกู้ในโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. และธนาคารออมสิน ซึ่งขณะนี้มียอดปล่อยกู้กว่า 6 แสนล้านบาท อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาภายในของครู ซึ่งที่ผ่านมา วงเงินจำนวนนี้มีเพดานเพียง 5 แสนบาท ต่อมา ได้ขยายให้ปล่อยกู้ต่อคนได้มากถึง 3 ล้านบาท ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาหากครูไม่มีความสามารถในการชำระหนี้
ประกอบกับหลังมีการแก้ พ.ร.บ.สหกรณ์ เมื่อ 2-3 ปีก่อนที่อนุมัติให้สหกรณ์ คือ เจ้าหนี้รายแรกที่สามารถหักหนี้ในบัญชีเงินเดือนของครูได้ก่อนสถาบันการเงิน ส่งผลให้เงินเดือนครูหลังถูกเจ้าหนี้สหกรณ์หักไปแล้วอาจเหลือไม่พอจ่ายหนี้สถาบันการเงิน คือ ธนาคารออมสิน ทำให้ขณะนี้ธนาคารออมสินต้องเข้าไปดูแลลูกค้ากลุ่มอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้เกิดเอ็นพีแอลขึ้น
สำหรับภาพรวมการปล่อยสินเชื่อช่วง 3 เดือนแรกของปี 2558 อยู่ที่ 1.77 ล้านล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงปลายปีก่อน ขณะที่ภาพรวมเงินฝากอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านบาท อยู่ในระดับทรงตัว เนื่องจากธนาคารยังไม่มีการออกผลิตภัณฑ์มากระตุ้นการออม ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.7-1.8% และทั้งปีตั้งเป้าจะบริหารให้ไม่เกิน 1.7%