“ปูนอินทรีย์” จับมือ 11 พันธมิตรวัสดุก่อสร้างครบวงจร เปิดตัว “อินทรี อลิอันซ์” จัดแพกเกจแคมเปญขายสินค้าร่วมกัน หวังเพิ่มขีดความสามารถชนคู่แข่ง เพิ่มช่องทางขายผ่านดีลเลอร์ที่มีอยู่กว่า 3,500 ราย ด้านบิ๊กปูนอินทรีย์ คาดตลาดปูนซีเมนต์ปี 58 โต 2-3% หวังโครงการภาครัฐช่วยกระตุ้นตลาดโตได้อีกกว่า 5-7%
นายศิวะ มหาสันทนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานอาวุโส สายงานการตลาดและการขาย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจก่อสร้างว่า ไม่สดใสมากนักตามสภาวะเศรษฐกิจ แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตขึ้น โดยคาดว่าตลาดปูนซีเมนต์ในปีนี้จะมีการเติบโตเพียง 2-3% แต่อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลเริ่มก่อสร้างโครงการต่างๆ ภายในปีนี้จะช่วยเพิ่มการบริโภคปูนซีเมนต์ภายในประเทศมากขึ้น และจะช่วยให้ภาพรวมของตลาดเติบโตได้ราว 5-7%
“หากสถานการณ์ตลาดยังเป็นแบบนี้ คาดว่าตลาดปูนซีเมนต์ในปีนี้จะเติบโตเพียง 2-3% เท่านั้น แต่หากรัฐบาลเร่งโครงการต่างๆ ออกมาให้มีการก่อสร้างภายในปีนี้ก็เชื่อว่าจะช่วยให้ตลาดเติบโตได้กว่า 5-7%”
สำหรับธุรกิจก่อสร้างขณะนี้มีการแข่งขันที่สูงขึ้น ทำให้ต้องคิดค้นนวัตกรรม และโซลูชันใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลุกค้า โดยล่าสุด ได้จับมือพันธมิตรธุรกิจที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างรวม 12 ราย จัดตั้ง “อินทรี อลิอันซ์” ซึ่งได้แก่ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน), บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด, บริษัท อินทรี ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด, บริษัท คอนวูด จำกัด, บริษัทไทยผลิตภัณฑ์ยิปซั่ม จำกัด (มหาชน), บริษัทสหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด, บริษัท เจ.บี.พี. อินเตอร์เนชั่นแนล เพ็นท์ จำกัด, บริษัทเอคโค โคท จำกัด,บริษัท เซรามิค รูฟฟิ่ง โปรดักส์ จำกัด, บริษัทอาควาไลน์ โปรทาร์เก็ต จำกัด, บริษัทวิบูลวัฒนอุตสาหกรรม จำกัด และบริษัทกะรัต ฟอเซท จำกัด
ทั้งนี้ การร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการสร้างเครือข่ายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดย “อินทรี อลิอันซ์” จะมีการทำการตลาดร่วมกันเพื่อขยายฐานลูกค้า เช่น หากซื้อสินค้าในกลุ่มพันธมิตรจะได้รับส่วนลด บัตรกำนัล หรือของสมนาคุณ บัตรสะสมแต้ม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังขายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายในบริษัทสมาชิกทั้ง 12 ราย โดยในส่วนของปูนอินทรีย์ปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายอยู่กว่า 3,500 รายทั่วประเทศ โดยเป้าหมายของ อินทรีย์ อลิอันซ์ ต้องการเป็นผู้นำธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยลูกค้า หรือผู้บริโภคจะได้รับการบริการครบวงจร และนวัตกรรมที่หลากหลาย
นายศิวะ กล่าวว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตามไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้า ส่งผลให้ธุรกิจร้านค้าทั้งในรูปแบบของร้านค้าแบบดั้งเดิม และร้านค้าแบบสมัยใหม่ต้องปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค ทั้งในเรื่องความหลากหลายของสินค้า และความเชี่ยวชาญ บริษัทจึงต้องปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ โดยสินค้าของกลุ่มอินทรีย์ อลิอันซ์ จะครอบคลุมสินค้ากลุ่มหลักในหมวดวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ กลุ่มโครงหลังคา กลุ่มหลังคา กลุ่มฝาผนัง กลุ่มวัสดุปูพื้นผิว และกลุ่มวัสดุตกแต่ง นอกจากนี้ ยังจะขยายความร่วมมือไปยังสินค้าในกลุ่มเคมีภัณฑ์ และกลุ่มสุขภัณฑ์