xs
xsm
sm
md
lg

QH ชี้ ดบ.ไทยยังต่ำอีกหลายปี หนุนอสังหาฯ กล้าเพิ่มลงทุน ห่วงหนี้ภาค ปชช.สูงลิ่ว 121%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
“ชัชชาติ” ประเมินเศรษฐกิจไทยยังเปราะบาง ห่วงหนี้สินต่อรายได้ประชาชนสูงลิ่ว 121% ประเมินดอกเบี้ยต่ำติดดินไปอีกหลายปี ชี้เป็นผลบวกต่ออสังหาฯ ในกลุ่มตลาดหุ้น เร่งออกโครงการเหตุต้นทุนต่ำกว่าคู่แข่ง พร้อมปรับแผนลงทุนปี 58 ใหม่ ลดพอร์ตคอนโดฯ เพิ่มโครงการแนวราบ ระบุได้เจรจากับกลุ่มทุนญี่ปุ่นพัฒนาโครงการอสังหาฯ แจงมาทำตลาดคอนโดฯ ระดับล่างแบรนด์ “เดอะ พอยต์ คอนโดฯ” เพื่อกระจายความเสี่ยง เผยมีนักธุรกิจกัมพูชาซื้อห้องชุด 30 โครงการ ในแหลมฉบังปล่อยเช่าต่างชาติ

รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจตลอดทั้งปีจะเติบโตประมาณ 3% โดยต้องพิจารณาด้านการส่งออกจะมีการฟื้นตัวมากน้อยเพียงใด ขณะเดียวกัน เรื่องที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากปี 57 โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อรายได้ของประชาชนเพิ่มขึ้นเป็น 121% ซึ่งในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้มากขึ้น โดยได้แรงสนับสนุนมาจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง และจะลงไปอีกหลายปี เป็นผลบวกต่อผู้ประกอบการ ยิ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะกล้าลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะมีต้นทุนที่ถูกลง อีกทั้งนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามา จะทำให้ผู้บริโภคมีสินค้าให้เลือกมากขึ้น ทำให้การแข่งขันด้านราคาเพิ่มขึ้น

สำหรับแผนการลงทุนของบริษัทฯ ในปี 58 เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทต้องปรับแผนเปิดโครงการจาก 30 โครงการ เหลือเพียง 26 โครงการ ขยับสัดส่วนโครงการคอนโดมิเนียมลดลงเหลือ 30-35% จากเดิม 40-45% และหันไปเพิ่มพอร์ตโครงการแนวราบที่ปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 60-65% ของการพัฒนาโครงการทั้งหมด ทั้งนี้ มูลค่าโครงการรวมทั้งหมดจะปรับลดลงประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยโครงการละประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งมีที่ดินรองรับหมดแล้ว ขณะนี้ได้เปิดตัวไปแล้วประมาณ 10 โครงการ

“โครงการที่เตรียมแผนจะเปิดตัวต้องเลื่อนออกไปก่อน ซึ่งมีอยู่ 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดฯ ที่เชียงราย ระยอง และรัตนาธิเบศร์ ที่ต้องรอให้โครงการที่เปิดการขายไปก่อนหน้านี้ ปิดการขายให้หมดเสียก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปเปิดการขายทับซ้อนพื้นที่ และแข่งกันเอง ส่วนอีก 1 โครงการ คือ ที่คลองบางไผ่ ที่เดิมจะพัฒนาคอนโดฯ สูง 8 ชั้น แต่เนื่องจากบริษัทฯ สามารถซื้อที่ดินได้เพิ่มขึ้น จึงมีแผนจะขยายเป็นอาคารสูงมากกว่า 8 ชั้น”

ทุนญี่ปุ่นสนร่วมพัฒนาโครงการกระจายทำ

ทั้งนี้ ทางคิวเฮ้าส์ ได้มีการเจรจากับกลุ่มทุนจากญี่ปุ่นที่เข้ามาพัฒนาโครงการประเภทอพาร์ตเมนต์ ย่านศรีราชา สนใจร่วมทุนพัฒนาโครงการในทำเลอื่น ซึ่งอาจจะเป็นการร่วมทุน หรือการเข้าไปบริหาร โดยมองไว้ 2 รูปแบบ คือ การพัฒนาในรูปแบบเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ หรือบ้านพักผู้สูงอายุ

ส่วนการที่บริษัทฯ หันมาเจาะตลาดล่างด้วยการพัฒนาคอนโดฯ แบรนด์ “เดอะ พอยต์ คอนโดฯ” ชิมลาง 2 โครงการ 2 ทำเล คือ ที่แหลมฉบัง และรังสิต คลอง 6 เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ขนาด 26 ตารางเมตร ราคา 790,000 บาท/ยูนิต (แหลมฉบัง) และ 590,000 บาท/ยูนิต (รังสิต คลอง 6) ตามลำดับ ซึ่งได้เปิดพรีเซลได้ 3 เดือน ล่าสุด ทั้ง 2 โครงการสามารถทำยอดขายได้ 30% แล้ว โดยเฉพาะโครงการ “เดอะ พอยต์ คอนโด แหลมฉบัง” ที่มีนักลงทุนชาวกัมพูชา ซื้อห้องชุดผ่านโบรกเกอร์ถึง 30 ยูนิต เพื่อปล่อยให้ชาวต่างชาติที่ทำงานในย่านแหลมฉบัง ศรีราชา ได้เช่าอาศัย

“การที่เราหันมาจับกลุ่มลูกค้าตลาดล่างนั้น เพราะต้องการกระจายความเสี่ยงในทุกเซกเมนต์ อีกทั้งกลุ่มเป้าหมายเป็นตลาดที่ใหญ่ แต่การทำการตลาดก็ไม่ง่าย เมื่อเทียบกับบ้านราคาแพง โดยทั้ง 2 โครงการนี้เราตั้งเป้ายอดขายก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ 80% ซึ่งขณะนี้สามารถทำได้ 30% แล้ว”

ส่วนเป้ายอดโอนทั้งเครือของคิวเฮ้าส์ ตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 22,000 ล้านบาท และมียอดขายรวมที่ 24,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น