นักวิเคราะห์ฯ คาดการเมืองไทยกระทบตลาดหุ้น โดยให้น้ำหนักเป็นปัจจัยลบลำดับแรก รองลงมาได้แก่ ผลประกอบการ บจ. พร้อมประเมินดัชนีช่วงสิ้นปีอยู่ที่ 1,612 จุด ลดลงจากการประเมินครั้งก่อน
นางภรณี ทองเย็น อุปนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลสํารวจความเห็นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และผู้ลงทุนสถาบันถึงแนวโน้มตลาดหุ้นในช่วง 3 เดือนข้างหน้า โดยระบุว่า ดัชนีตลาดหุ้นในช่วงพฤษภาคม-กรกฎาคม 2558 จะอยู่ที่เฉลี่ย 1,519 จุด และจะปรับขึ้นไปเป็นเฉลี่ย 1,612 จุดในช่วงสิ้นปี 2558 ซึ่งนับว่าต่ำกว่าคาดการณ์ครั้งที่ผ่านมา (ม.ค.58) ซึ่งคาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,670 จุด หรือลดลง 58 จุด คิดเป็นร้อยละ 3.5 จากคาดการณ์ครั้งก่อนหน้า และสิ้นปี 2559 คาดว่าดัชนีตลาดหุ้นจะอยู่ที่ 1,707 จุด ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ผ่านมาที่ 1,804 จุด หรือ ลดลง 97 จุด หรือลดลงร้อยละ 5.4 จากประมาณการครั้งก่อน
ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อตลาด พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ ร้อยละ 95.8 เห็นตรงกันว่าเหตุผลสนับสนุนสำคัญที่เป็นปัจจัยบวกมาจากปัจจัยในประเทศ คือ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐ รองลงมาคือ แนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย และสภาพคล่องในตลาดเงิน ร้อยละ 83.3 ของผู้ตอบ ส่วนปัจจัยต่างประเทศให้น้ำหนักต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป ให้น้ำหนักร้อยละ 66.7
ส่วนปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตลาดในเชิงลบ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้น้ำหนักต่อปัจจัยการเมืองในประเทศ ร้อยละ 83.3 รองลงมาคือ ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ร้อยละ 54.2 และภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของไทยร้อยละ 50
นักวิเคราะห์ และผู้ลงทุนสถาบันประเมินว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2558 จะอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 3.2 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่ร้อยละ 3.8 แต่ปี 2559 จะปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 3.8 ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นปีนี้อยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 22.1 สูงกว่าคาดการณ์ครั้งก่อนที่ร้อยละ 15 สำหรับปี 2559 คาดว่าอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ 13 ทั้งนี้ กลุ่มที่คาดว่าจะมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลมากที่สุดทั้งในปี 58 และปี 59 คือ กลุ่มสื่อสาร
