ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น ไตรมาสแรกรายได้รวม 472.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 323.5 ล้านบาท หรือ 217.6% กำไรขั้นต้น 174.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 95.6 ล้านบาท หรือ 121.3% แจงเหตุรายได้ขยายตัว เนื่องจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ - ค่าบริหารจัดการจากการเป็นผู้บริหารทรัพย์สินกองทุน WHAPF กองทรัสต์ WHART และ HEMARAJ หนุนรายได้ ด้านผู้บริหาร “นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร” ลุยงานไตรมาส 2/2558 เร่งขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเพิ่ม ตั้งเป้าการขยายพื้นที่ไว้ที่ 200,000 ตารางเมตร
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ผู้นำด้าน Built to Suit คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับพรีเมียม เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานปี 2557 ในช่วงไตรมาสที่ 1/2558 (งวด 3 เดือน วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2558) ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมเฉพาะส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ 196.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.5 ล้านบาท หรือ 32% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและค่าบริการ 155.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จาก 116 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้จากอัตราเงินปันผลทีเพิ่มขึ้น 10.1% รวมถึงค่าบริหารจัดการที่บริษัทฯ ได้รับจากการเป็นผู้บริหารทรัพย์สินกองทุน WHAPF กองทรัสต์ WHART และการได้รับค่าธรรมเนียมจากการเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ โดยมีรายได้รวม 26.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาท เท่ากับเพิ่มขึ้น 10.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จาก HEMARAJ ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ ได้เข้าทำการซื้อหุ้นของบริษัท HEMARAJ เป็นจำนวนร้อยละ 92.88 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ส่งผลให้บริษัทฯ เริ่มรับรู้รายได้รวมจากบริษัทดังกล่าวเพียง 15 วัน ในช่วงระหว่างวันที่ 17-31 มีนาคม2558 ที่ผ่านมา เป็นสัดส่วนรายได้ 276 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้ส่วนใหญ่มาจากสาธารณูปโภคที่ถือเป็น recurring income ที่สำคัญกว่า 50% และรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และรายได้ค่าเช่า ค่าบริการ
ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้นเฉพาะส่วนของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/58 บริษัทฯมีกำไรขั้นต้นรวมเท่ากับ 174.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 95.6 ล้านบาท เท่ากับเพิ่มขึ้น 121.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นจากรายได้ค่าเช่าและค่าบริการที่ร้อยละ 51.1 และกำไรขั้นต้นจากรายได้ค่าเช่า และค่าบริการของคลังสินค้าและโรงงาน ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ จะเห็นว่าในไตรมาส 1/58 บริษัทฯมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึงร้อยละ 6.2
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังรับรู้กำไรขั้นต้นจาก HEMARAJ จำนวน 94.9 ล้านบาท โดยเป็นกำไรขั้นต้นจากค่าเช่าและค่าบริการเท่ากับ 45.9 ล้านบาท และกำไรขั้นต้นจากการขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 49 ล้านบาท โดยกำไรขั้นต้นดังกล่าวเป็นกำไรขั้นต้นหลังจากการปรับปรุงรายการบัญชี หลังจากที่บริษัทเข้าซื้อกิจการ HEMARAJ ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรตามวิธีส่วนได้ส่วนเสียจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ HEMARAJ ได้ร่วมลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า เป็นจำนวน 76 ล้านบาท แต่เมื่อมาดูผลประกอบการรวมพบว่า มีรายได้รวมของไตรมาส 1/58 รวมได้ 472.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากถึง 323.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 217.6 แต่มีผลขาดทุนสุทธิในไตรมาส 1/58 เพียง 4.5 ล้านบาท กำไรลดลง 36.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 114.3 ทั้งนี้ เนื่องจากภาระดอกเบี้ยจากการกู้ยืมเพื่อการซื้อหุ้นของ HEMARAJ 92.88%
ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากการประมาณการเบื้องต้น บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาสไปจากต่อจากนี้บริษัทฯ จะสามารถรับรู้รายได้และผลกำไรจาก HEMARAJ ได้เต็มจำนวน รวมทั้งภาระดอกเบี้ยจ่ายจากการกู้ยืมจะน้อยลงอย่างรวดเร็วตามแผนการชำระคืนหนี้สิน ที่ได้ส่วนใหญ่มาจากผลการดำเนินงานที่กำไรของ HEMARAJ และจากการจำหน่ายทรัพย์สินของทั้ง บริษัทเหมราช และของบริษัท WHA โดยได้เริ่มกระทำแล้วอย่างรวดเร็ว ทำให้จำหน่ายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัทเหมราชฯ เสร็จสิ้นไปแล้ว ได้แก่ที่ดินที่เกาะล้าน จำนวน 253 ไร่ และอาคารสำนักงาน UM Tower เฉพาะส่วนที่บริษัทเหมราชเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ โดยการเปิดประมูลได้มูลค่าขาย จำนวน 3,022 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา ส่วนขั้นตอนต่อไป คือ แผนการจำหน่ายทรัพย์สินเข้ากอง WHART และ HEMARAJ REIT ตั้งแต่ปลายไตรมาส3 จนถึงสิ้นปีนี้
สำหรับภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2558 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้า รวมถึงโรงงานระดับพรีเมียมเพิ่มอีก โดยในปีนี้ตั้งเป้าการขยายพื้นที่ไว้ที่ 200,000 ตารางเมตร โดยคาดว่าประเภทของพื้นที่เช่าจะมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งในส่วน อาคารคลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าที่มีความซับซ้อนมากขึ้น รวมทั้งโรงงาน Built-to-Suit ซึ่งปัจจุบัน มีความต้องการจากลูกค้ารายใหญ่ข้ามชาติเพิ่มขึ้นจำนวนมากจากแนวโน้มความต้องการเปลี่ยนจากสร้างเองมาเป็นการเช่าระยะยาวจากบริษัทที่มีความสามารถสร้างโรงงานระดับ World Class แบบ WHA
ทั้งนี้ บริษัทฯ เตรียมขยายธุรกิจออกไปในประเทศแถบอาเซียนมากขึ้น จากเดิมที่มีการเข้าไปลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีพื้นที่ให้เช่าประมาณ 20,000 ตารางเมตร และอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะมีความชัดเจนในเร็วๆ นี้ ขณะที่ในประเทศลาว พม่า เวียดนาม คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้น โดยบริษัทวางเป้าขยายพื้นที่คลังสินค้าในกลุ่มประเทศอาเซียนไม่น้อยกว่า 100,000 ตารางเมตร ภายใน 3 ปี 2558-2560
พร้อมกันนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมขายสินทรัพย์เพิ่มเข้ากองทรัสต์ WHART ซึ่งเป็นคลังสินค้าให้เช่าราว 180,000 ตารางเมตร รวมกับการขายทรัพย์สินประมาณ 14,000 ตารางเมตรให้แก่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ WHAPF คาดว่ามูลค่าราว 4,800 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 4/2558 นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะจัดตั้งกอง Office REIT ซึ่งจะเป็นสำนักงาน SJ Infinite I Business Complex และสำนักงานประเภท Built-to-Suit ให้เช่าย่านบางนา พื้นที่รวมกว่า 30,000 ตารางเมตร มูลค่าเบื้องต้น 2.4 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในไตรมาส 3/2558 ส่วนสินทรัพย์ของ HEMRAJ มูลค่า 7.0-7.5 พันล้านบาทนั้น อยู่ระหว่างพิจารณาการดำเนินการตั้งกอง REIT ใหม่ของบริษัทเหมราชฯ
นายแพทย์สมยศ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่า ผลการดำเนินของบริษัทฯ จะเติบโตแบบก้าวกระโดดตามเป้าหมายที่บริษัทฯคาดการณ์ไว้ที่ 15,000-16,000 ล้านบาท ซึ่งหากรวมรายได้ที่เกิดจากการขายทรัพย์สินของบริษัทเหมราชฯ ที่เสร็จสิ้นไปแล้ว และที่จะขายเข้ากอง REIT รวมกว่า 10,000 ล้านบาท จะทำให้รายได้รวมของกลุ่มโตกว่า 25,000-26,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการรวมงบระหว่างบริษัทฯ และ HEMRAJ และการบริหารงานแบบเชิงรุกมากขึ้น เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของบริษัทที่ต้องการเป็นผู้ให้บริการด้านคลังสินค้าในรูปแบบ Industrial และ Logistics hub ในประเทศแถบอาเซียน