หุ้นส่งท้ายสัปดาห์เด้งปิดบวก 14.79 จุด กลับไปยืนเหนือระะดับ 1,500 โบรกฯ มองเป็นการปรับรีบาวนด์ตามตลาดในต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อในกลุ่มพลังงาน และกลุ่มค้าปลีก ขานรับปัจจัยบวกจากผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น และอีซีบียังดำเนินมาตรการกระตุ้น ศก.ต่อไป ขณะที่ภาคเอกชน และผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นดีขึ้น แนะเป็นจังหวะเข้าลงทุน
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (15 พ.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,512.19 จุด เพิ่มขึ้น 14.79 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.99% มูลค่าการซื้อขาย 33,059.93 ล้านบาท โดยภาพรวมวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวสลับบวกและลบ ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,512.19 จุด ซึ่งเป็นระดับที่ปิดตลาดฯ ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,494.79 จุด
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังคงอยู่ในระดับต่ำ และคาดว่าจะทรงตัวไปอย่างน้อย 1 ปี ซึ่งอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือต่ำกว่า 1 ปี ปรับตัวลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ส่วนผู้ที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้น มองว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงปรับฐาน และเป็นจังหวะที่ดีในการทยอยเก็บหุ้นพื้นฐานดีเพื่อสร้างโอกาสในการทำกำไร ประกอบกับนโยบายดอกเบี้ยต่ำที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลัง
ด้าน นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรินีตี้ กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวนด์สอดคล้องตลาดหุ้นทั่วโลก โดยกลุ่มพลังงาน และค้าปลีกเป็นตัวผลักดันหลัก หลังได้รับปัจจัยบวกจากผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลกไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับ นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวเมื่อวานนี้ว่า ECB จะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น และภาคเอกชน รวมถึงผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายณัฐชาต กล่าวว่า ยังต้องติดตามการประกาศตัวเลขอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยไตรมาส 1/58 ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ จะประกาศในวันที่ 18 พ.ค.นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตได้ประมาณ 3.4% หากออกมาน้อยกว่าหรือมากกว่า ก็จะอาจมีผลกระทบต่อตลาดฯ พร้อมให้แนวต้าน 1,520 จุด แนวรับ 1,480 จุด
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,289.60 ล้านบาท ปิดที่ 11.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,498.82 ล้านบาท ปิดที่ 236.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,380.54 ล้านบาท ปิดที่ 46.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 988.83 ล้านบาท ปิดที่ 164.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 967.59 ล้านบาท ปิดที่ 361.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.00 บาท