“วายแอลจี” ให้น้ำหนักการเคลื่้อนไหวค่าเงินบาทมีผลต่อการลงทุนทองคำในประเทศ ชี้หากยิ่งอ่อนค่าถือเป็นผลบอกต่อราคาทองคำ ส่วนต่างแดนต้องติดตามสถานการณ์กรีซ และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เตือนนักลงทุนความผันผวนช่วงนี้มีสูง ควรกำหนดกรอบทำกำไร และตัดขาดทุนให้ชัดเจน
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินทิศทางราคาทองคำว่า นักลงทุนยังจับตาดูสถานการณ์ในกรีซหลังชำระหนี้ไปแล้ว 200 ล้านยูโร แต่ในระยะถัดไป กรีซอาจจำเป็นต้องหาเงินช่วยเหลือเพื่อนำมาชำระหนี้ก้อนถัดๆ ไป ขณะที่ทางการกรีซอาจเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่อง และเงินคงคลังที่น้อยลง ซึ่งอาจมีผลให้การจ่ายเงินเดือนข้าราชการ และเงินบำเหน็จบำนาญของกรีซอาจมีปัญหา แม้ทางการจะยืนยันไม่ลดวงเงินในการจ่าย และใช้มาตรการรัดเข็มขัดที่มากขึ้นก็ตาม
“นักลงทุนยังติดตามสถานการณ์นี้หากกรีซไม่ได้รับเงินช่วยเหลือเพื่อชำระหนี้ในก้อนถัดๆ ไป อาจสร้างความปั่นปวนให้แก่ตลาดเงิน และตลาดทุน ซึ่งจะมีผลบวกมาถึงตลาดทองคำ”
อย่างไรก็ตาม สิ่งนักลงทุนต้องติดตามเพิ่มเติมมองไปที่ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด หลังอ่อนตัวสูงสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งภาพรวมราคาทองคำในประเทศยังมีทิศทางเพิ่มขึ้นตามค่าเงินบาทที่มีทิศทางที่อ่อนค่าต่อไป ไม่เพียงแค่นี้จากการที่ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจ ทำให้ภาครัฐต้องการให้เงินบาทอ่อนค่ามากขึ้นเพื่อส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจนั้น ประเด็นดังกล่าวถือว่ามีผลบวกต่อราคาทองคำในประเทศเช่นกัน
“เนื่องจากทองคำแกว่งตัวผันผวน นักลงทุนควรวางกลยุทธ์การลงทุนอย่างรอบคอบ ตั้งจุดทำกำไร และตัดขาดทุนให้ชัดเจน และควรติดตามการอ่อนค่าของค่าเงินบาทประกอบการตัดสินใจลงทุน เนื่องจากจะมีผลต่อการทำกำไรในการลงทุนทองคำในประเทศอย่างชัดเจน ซึ่งยังประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,200 เหรียญ/ออนซ์ และหากผ่านไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,220 เหรียญ/ออนซ์ แต่หากดีดตัวขึ้นแล้วไม่ถึง 1,200 เหรียญ/ออนซ์ ราคาอาจมีการพักฐานบริเวณ 1,160 -1,140 เหรียญ/ออนซ์ ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจเข้าซื้อในแนวรับใดแนวรับหนึ่งเพียงบางส่วน และถือเงินสดไว้บางส่วนเพื่อรอการซื้อถัวเฉลี่ยหากราคาทองคำมีการอ่อนตัวลงมา และหากราคาทองคำมีการดีดตัวขึ้นก็ควรแบ่งทองคำออกมาขายทำกำไร”
ทั้งนี้ อยากเน้นย้ำว่า ยังมีความกังวลต่อการปรับขึ้นของราคาทองคำอยู่ โดยเฉพาะปัจจัยจากตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ ที่อาจดูดีมากขึ้น และอาจมีผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ววัน ซึ่งถือเป็นปัจจัยลบสำคัญที่อาจกดดันให้ราคาทองคำอ่อนตัว
ส่วนปัจจัยที่นักลงทุนต้องจับตาเพิ่มเติมคือ ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯ เช่น ดัชนีราคาผู้ผลิตฯ และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงการประชุมของกลุ่มยูโร โซน ที่จะมีการพิจารณาเงินช่วยเหลือให้แก่กรีซ