มั่นคงฯ รับรู้รายได้จากการขาย และบริการ จำนวน 434.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.08% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ทริสเรทติ้ง ประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ “BBB+” (Triple B Plus) ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงผลงาน ประสบการณ์ การควบคุมด้านทุนค่าก่อสร้างและนโยบายการเงินที่ระมัดระวัง
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK ผู้พัฒนาโครงการ “ชวนชื่น” และ “สิรีนเฮ้าส์” เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2558 ว่า บริษัทฯ รับรู้รายได้จากการขายและบริการ จำนวน 434.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.08% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ 421.7 ล้านบาท โครงการหลักที่สร้างรายได้ในไตรมาสนี้ ได้แก่ ชวนชื่น จรัญฯ 3, ชวนชื่น เพชรเกษม 81, ชวนชื่น บรู๊คไซด์ และชวนชื่น โมดัส วิภาวดี
บริษัทฯ มีกำไรเบื้องต้น 145.13 ล้านบาท ลดลง 10.53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 162.22 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรเบื้องต้น (Gross Profit Margin) ในไตรมาสนี้เท่ากับ 33.39% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 38.47% เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ที่รับรู้รายได้ในไตรมาสนี้เป็นทาวน์เฮาส์ ซึ่งมีกำไรเบื้องต้นต่ำกว่าบ้านเดี่ยว ประกอบกับการรับรู้รายได้จากโครงการที่ใกล้จบ เช่น ชวนชื่น เพชรเกษม 81, ชวนชื่นพระราม 2 ซึ่งมีโปรโมชันพิเศษมากกว่าปกติเพื่อปิดการขาย ในส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 103.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.57% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 101.63 ล้านบาท หลังหักดอกเบี้ยและภาษีแล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 30.51 ล้านบาท ลดลง 31.85% จากไตรมาส 1/2557 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 44.78 ล้านบาท
โดยอัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ประจำไตรมาส 1/2557 เท่ากับ 6.99% ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 10.55%
ในส่วนของสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 199.74 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา จาก 7,361.25 ล้านบาทเป็น 7,561.0 ล้าน หนี้สินรวมปรับเพิ่มขึ้น 168.73 ล้านบาท จาก 1,891.39 ล้านบาท เป็น 2,060.11 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ มีการออกหุ้นกู้เพื่อนำมาใช้หมุนเวียนในกิจการ สอดคล้องต่องบกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินที่เป็นบวก 179.54 ล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯ จะมีการกู้ยืมเพิ่มขึ้น แต่หนี้สินรวมก็ยังอยู่ในระดับต่ำ เห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทฯ ณ สิ้นไตรมาสนี้ ซึ่งเท่ากับ 0.37 เท่า เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 0.35 เท่า
อนึ่ง บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้ประกาศผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทฯ ที่ระดับ “BBB+” (Triple B Plus) ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2558 โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานของบริษัทที่มีมาอย่างยาวนานในตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้ระดับปานกลาง ตลอดจนความสามารถในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง และนโยบายทางการเงินที่ระมัดระวัง ทั้งนี้ การประเมินอันดับเครดิตยังคำนึงถึงฐานรายได้ของบริษัทที่ค่อนข้างต่ำ ลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ