บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี คว้างานจาก Joint Venture (JV) ที่มี Petrobras Netherlands B.V. ในบราซิลถือหุ้นใหญ่ มูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท ดันปริมาณงานในมือ (Backlog) พุ่งกว่า 7 พันล้านบาท ด้านผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “เซิง วู ลี” โชว์ศักยภาพความพร้อมทั้งในด้านเงินทุน ประสบการณ์ คุณภาพของงาน และการส่งมอบงานตรงสเปก-ทันเวลา ชูจุดแข็งความสามารถในการผลิตภายในโรงงานของบริษัทช่วยลดต้นทุน ย่นเวลา พร้อมทั้งผลิตงานที่มีคุณภาพที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า เชื่อมั่นรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15% แน่
นายเซิง วู ลี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (BJCHI) ผู้ดำเนินธุรกิจวิศวกรรมด้านการรับจ้างผลิต และการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมตามแบบ และขนาดที่ลูกค้ากำหนด เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามเซ็นสัญญารับงานใหม่ ซึ่งเป็นงานแปรรูป และประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ ประเภท Floating Production Storage and Offloading สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ของบริษัทร่วมลงทุน (Joint Venture) ที่มี Petrobras Netherlands B.V. ในประเทศบราซิลถือหุ้นใหญ่ ชื่อโครงการ TUPI โดยมีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาท และมีระยะเวลาของโครงการประมาณ 18 เดือน นอกจากนี้ ถ้าลูกค้าพึงพอใจต่อคุณภาพ และบริการของโครงการนี้นั้น จะทำให้บริษัทมีโอกาสสูงที่จะสามารถรับงานลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติมอีกกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่างานจากโครงการดังกล่าวมีโอกาสเพิ่มขึ้นถึงระดับ 1 หมื่นล้านบาทในอนาคต
ทั้งนี้ การคว้างานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นกว่า 7 พันล้านบาท จากปัจจุบัน ณ สิ้นไตรมาส 1/2558 อยู่ที่มากกว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถทยอยรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ในปี 2558 นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างรอลุ้นผลประมูลงานโครงการที่มีศักยภาพสูง (High Potential Project) อยู่อีกกว่า 5 พันล้านบาท
“การรับงานแปรรูป และประกอบโครงสร้างกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ในครั้งนี้ เป็นงานที่บริษัทมีประสบการณ์มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งส่งผลให้บริษัทนั้นมีความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งทีมงาน และเครื่องจักร เพื่อส่งมอบงานตามสเปกที่ลูกค้ากำหนด และสามารถส่งมอบงานได้ตามเวลาที่ตกลงกันไว้ และจากปริมาณงานในมือที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้จะสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน” นายเซิง วู ลี กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังมีโรงงานและอุปกรณ์ในการผลิตที่ทันสมัย เช่น โรงชุบสังกะสี (Galvanizing Shop) โรงผลิตเหล็กตะแกรง (Grating Shop) โรงผลิตและประกอบคานเหล็กเพื่อใช้กับงานโครงสร้าง (Built-up Beam Shop) โรงพ่นขัดโลหะและพ่นสี (Blasting and Painting Shop) ที่ได้มาตรฐานสากล ซึ่งทำให้บริษัทสามารถแปรรูป และประกอบโครงสร้างชิ้นส่วนขนาดใหญ่ได้ครบทุกขั้นตอนการผลิตภายในบริษัทเองทั้งหมด โดยนอกจากจะเป็นการประหยัดต้นทุน และได้ชิ้นงานตามสเปกที่ต้องการแล้ว ยังช่วยในการประหยัดระยะเวลาการทำงานซึ่งทำให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นอีกด้วย
“การที่บริษัทได้รับงานเพิ่มเติมจากประเทศบราซิลนั้น นอกจากส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้ของบริษัทแล้วนั้น ยังทำให้ผู้ให้บริการรับเหมาก่อสร้างในด้านอุตสาหกรรมหนักของไทยให้เป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในชื่อเสียง และคุณภาพงานจากลูกค้าในต่างประเทศอีกด้านหนึ่ง ยังคงส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย และทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ” นายเซิง วู ลี กล่าว