คาดทิศทางตลาดฯ ในระยะต่อไปจะค่อยๆ ฟื้นตัว แรงขายกลุ่มแบงก์น่าจะชะลอลง

หุ้นปิดลบ 6.86 จุด นักวิเคราะห์ ชี้ ตลาดได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ ที่มีแรงขายปรับพอร์ตอยู่จากความกังวลเรื่องการตั้งสำรองฯ หลังจากที่ NPL อาจจะปรับตัวขึ้น คาดแนวโน้มตลาดฯ ในระยะต่อไป น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น และหุ้นในกลุ่มแบงก์น่าจะชะลอแรงขายได้

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (6 พ.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,519.88 จุด ลดลง 6.86 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.45% มูลค่าการซื้อขาย 40,881.49 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,531.75 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,514.79 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่มีแรงขายปรับพอร์ตอยู่ จากความกังวลเรื่องการตั้งสำรองฯ ของกลุ่มแบงก์ หลังจากที่ NPL อาจจะปรับตัวขึ้น
แต่ตลาดก็ยังได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มพลังงานอยู่ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ส่วนหนึ่งป็นผลจากที่ซัปพลายในลิเบียได้ลดลงบางส่วนหลังจากที่มีการปิดท่าเรือ

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบคล้ายๆ กับตลาดบ้านเรา ทั้งนี้มองว่าเป็นการปรับฐานของตลาดต่างประเทศจากความกังวลเรื่องของกรีซ แต่บ่ายนี้ตลาดในยุโรปเริ่มเห็นการรีบาวนด์ขึ้นมา คาดว่าจะคลายกังวลเรื่องกรีซ หลังจากที่เห็นว่า Bond yield ของกรีซลดลงมา 4% ทำให้โอกาสที่กรีซจะผิดนัดชำระหนี้ในวันที่ 12 พ.ค.นี้น่าจะน้อยลง

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (7 พ.ค.) นายกรภัทร กล่าวว่า ตลาดคงจะแกว่งไซต์เวย์ ซึ่งมองว่าตลาดจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น และหุ้นในกลุ่มแบงก์น่าจะชะลอแรงขายได้ในวันพรุ่งนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,515-1,510 จุด ส่วนแนวต้าน 1,534-1,540 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,166.59 ล้านบาท ปิดที่ 201.00 บาท ลดลง 9.00 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 2,603.58 ล้านบาท ปิดที่ 19.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,041.06 ล้านบาท ปิดที่ 362.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,960.85 ล้านบาท ปิดที่ 11.60 บาท ลดลง 0.60 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,600.58 ล้านบาท ปิดที่ 180.50 บาท ลดลง 4.50 บาท