วันนี้ (24 เม.ย.) ดัชนี SET INDEX ปิดตลาดภาคเช้าปรับตัวบวก 5.02 จุด หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.32% มาอยู่ที่ 1,549.86 จุด โดยระหว่างวันปรับตัวสูงสุดอยู่ที่ 1,553.83 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,548.24 จุด มูลค่าซื้อขาย 16,648.11 ล้านบาท
5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่
1.KTB ปิดที่ 20.60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,503,731 ล้านบาท
2.CPALL ปิดที่ 44.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.73% มูลค่าการซื้อขาย 1,285,124 ล้านบาท
3.PTT ปิดที่ 353.00 บาท เพิ่มขึ้น 8.00 บาท หรือ 2.32% มูลค่าการซื้อขาย 868,011 ล้านบาท
4.TRUE ปิดที่ 12.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.79% มูลค่าการซื้อขาย 698,094 ล้านบาท
5.KBANK ปิดที่ 221.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 600,742 ล้านบาท
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส หรือ ASP กล่าวว่า นักลงทุนควรติดตามการผลประชุมรัฐมนตรีคลังยุโรป ซึ่งมีกำหนดการให้กรีซต้องส่งแผนปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มว่ากรีซจะไม่ส่งแผนปฏิรูปในการประชุมวันนี้ เนื่องจากการเจรจาข้อตกลงระหว่างกรีซ และเจ้าหนี้ยังคงไม่มีความคืบหน้า ซึ่งน่าจะสร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นยุโรปพอสมควร นอกจากนั้น ยังต้องระวังกำหนดการชำระหนี้ของกรีซต่อ IMF กว่า 1.1 พันล้านยูโรในเดือนหน้า เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค. ชำระดอกเบี้ย 200 ล้านยูโรให้ IMF (แต่สามารถเลื่อนได้ถึง 4 หรือ 5 พ.ค.) จากนั้น 8 พ.ค. ต้อง roll-over ตั๋วสัญญาใช้เงิน (T-Bill) อายุ 6 เดือน มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านยูโร, 12 พ.ค. ชำระหนี้ 750 ล้านยูโรให้ IMF, 15 พ.ค. กรีซต้อง roll-over over ตั๋วสัญญาใช้เงิน (T-Bill) อายุ 3 เดือน มูลค่ากว่า 1.4 พันล้านยูโร ซึ่ง IMF ยังไม่มีทีท่าที่จะขยายเวลาการชำระหนี้ออกไป ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ในสภาวะขาดแคลนเงินสดกว่า 400 ล้านยูโร ซึ่งเป็นเงินที่ต้องจ่ายเงินเดือน และเงินบำนาญภายในวันนี้ และสิ้นเดือน พ.ค. จ่ายเงินเดือนข้าราชการ และเงินบำเหน็จบำนาญ 2.5 พันล้านยูโร รวมทั้งหนี้อื่นๆ อีกมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านยูโร ซึ่งมีกำหนดชำระในเดือนมิถุนายน และกรกฎาคมด้วย
ในขณะที่ฝั่งเจ้าหนี้เอง หากดำเนินนโยบายที่กดดันต่อกรีซมากเกินไป จะยิ่งเป็นการบีบให้กรีซออกจากสถานภาพการเป็นสมาชิกยูโรโซน และผิดนัดชำระหนี้ จึงเชื่อว่าท้ายที่สุดทั้ง 2 ฝ่าย น่าจะเจรจาประนอมหนี้กันได้
