พบขายยาบนเว็บไซต์ขายสินค้าชื่อดัง อย. ชี้ ทำไม่ได้ เหตุยาต้องขายโดยเภสัชฯ และขายในที่อนุญาต เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ย้ำ ยาดักจับไขมัน สเปรย์พ่นจมูกเป็นยาอันตราย ต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะโฆษก อย. กล่าวถึงกรณีตรวจพบการขายยาในเว็บไซต์ขายสินค้าชื่อดัง เช่น ยาดักจับไขมัน สเปรย์พ่นจมูก เป็นต้น ว่า ยาไม่ใช่สินค้าปกติ ปัจจุบันไม่อนุญาตให้ขายในเว็บไซต์ หรือนอกสถานที่จัดจำหน่ายยาได้ โดยผู้ที่จะขายยาต้องมีใบอนุญาต และยาจัดกลุ่มประเภทไว้หลายประเภท ต้องจำหน่ายโดยเภสัชกรเท่านั้น และการจำหน่ายยายังไม่สามารถโฆษณาได้ หากจะบอกสรรพคุณก็ต้องมีการขออนุญาตก่อนเท่านั้น จึงถือว่าเป็นสินค้าที่ไม่สามารถขายได้โดยอิสระ โดยกฎหมายยังได้กำหนดประเภทของยาไว้อย่างชัดเจน เช่น ยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ ซึ่งต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น เป็นต้น ซึ่งกฎหมายอนุโลมให้จำหน่ายได้เฉพาะยาสามัญประจำบ้านเท่านั้น ที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตขายยา
ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจำหน่ายยาในสถานประกอบการที่ได้รับการอนุญาต เพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย และทราบผลข้างเคียงจากการใช้ยา จึงต้องมีเภสัชกรประจำร้าน เพื่อทำหน้าที่ตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ในการซักถามประวัติ อาการ การแพ้ยา เป็นต้น ดังนั้น ความผิดจากการขายยาลักษณะดังกล่าวจึงมีหลายกรณี คือ ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ หากมีใบอนุญาต ก็ยังมีความผิดฐานขายยานอกสถานที่ที่กฏหมายกำหนด และ การโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ทั้งนี้ อย.จะได้ตรวจสอบและดำเนินการต่อไป
ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ยาดักไขมัน และสเปรย์พ่นจมูก ที่พบการจำหน่ายทางเว็บไซต์นั้น จัดเป็นกลุ่มแผนปัจจุบัน ที่อยู่ในกลุ่มยาอันตราย ดังนั้น แน่นอนว่า ไม่สามารถจำหน่ายทางเว็บไซต์ หรือ นอกสถานที่ที่กฎหมายกำหนดได้ และต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ซึ่งยาดักจับไขมันนั้น การจะกินได้ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน เพราะไขมันไม่ใช่สารอันตราย และเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เป็นสารตั้งต้นฮอร์โมนและตัวละลายวิตามิน การกินพร่ำเพรื่ออาจทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนวิตามินบางตัว หรือ มีผลเสียระยะยาวต่อกระเพาะและลำไส้ได้ ดังนั้น อยากเตือนประชาชน ว่า ยามีทั้งคุณและโทษ ไม่ควรซื้อยาตามอินเทอร์เน็ต เพราะเสี่ยงทั้งได้รับยาปลอม ยาไม่มีคุณภาพ และผลข้างเคียงจากยาได้ ทั้งนี้ จะให้เจ้าหน้าที่ติดตามกรณีดังกล่าวเพื่อดำเนินการต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
ภก.ประพนธ์ อางตระกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในฐานะโฆษก อย. กล่าวถึงกรณีตรวจพบการขายยาในเว็บไซต์ขายสินค้าชื่อดัง เช่น ยาดักจับไขมัน สเปรย์พ่นจมูก เป็นต้น ว่า ยาไม่ใช่สินค้าปกติ ปัจจุบันไม่อนุญาตให้ขายในเว็บไซต์ หรือนอกสถานที่จัดจำหน่ายยาได้ โดยผู้ที่จะขายยาต้องมีใบอนุญาต และยาจัดกลุ่มประเภทไว้หลายประเภท ต้องจำหน่ายโดยเภสัชกรเท่านั้น และการจำหน่ายยายังไม่สามารถโฆษณาได้ หากจะบอกสรรพคุณก็ต้องมีการขออนุญาตก่อนเท่านั้น จึงถือว่าเป็นสินค้าที่ไม่สามารถขายได้โดยอิสระ โดยกฎหมายยังได้กำหนดประเภทของยาไว้อย่างชัดเจน เช่น ยาอันตราย ยาควบคุมพิเศษ ซึ่งต้องมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น เป็นต้น ซึ่งกฎหมายอนุโลมให้จำหน่ายได้เฉพาะยาสามัญประจำบ้านเท่านั้น ที่ไม่ต้องมีใบอนุญาตขายยา
ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการจำหน่ายยาในสถานประกอบการที่ได้รับการอนุญาต เพื่อให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองความปลอดภัย และทราบผลข้างเคียงจากการใช้ยา จึงต้องมีเภสัชกรประจำร้าน เพื่อทำหน้าที่ตามจรรยาบรรณวิชาชีพ ในการซักถามประวัติ อาการ การแพ้ยา เป็นต้น ดังนั้น ความผิดจากการขายยาลักษณะดังกล่าวจึงมีหลายกรณี คือ ขายยาโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ หากมีใบอนุญาต ก็ยังมีความผิดฐานขายยานอกสถานที่ที่กฏหมายกำหนด และ การโฆษณาโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย ทั้งนี้ อย.จะได้ตรวจสอบและดำเนินการต่อไป
ภก.ประพนธ์ กล่าวว่า สำหรับการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ยาดักไขมัน และสเปรย์พ่นจมูก ที่พบการจำหน่ายทางเว็บไซต์นั้น จัดเป็นกลุ่มแผนปัจจุบัน ที่อยู่ในกลุ่มยาอันตราย ดังนั้น แน่นอนว่า ไม่สามารถจำหน่ายทางเว็บไซต์ หรือ นอกสถานที่ที่กฎหมายกำหนดได้ และต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ซึ่งยาดักจับไขมันนั้น การจะกินได้ต้องมีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจน เพราะไขมันไม่ใช่สารอันตราย และเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เป็นสารตั้งต้นฮอร์โมนและตัวละลายวิตามิน การกินพร่ำเพรื่ออาจทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนวิตามินบางตัว หรือ มีผลเสียระยะยาวต่อกระเพาะและลำไส้ได้ ดังนั้น อยากเตือนประชาชน ว่า ยามีทั้งคุณและโทษ ไม่ควรซื้อยาตามอินเทอร์เน็ต เพราะเสี่ยงทั้งได้รับยาปลอม ยาไม่มีคุณภาพ และผลข้างเคียงจากยาได้ ทั้งนี้ จะให้เจ้าหน้าที่ติดตามกรณีดังกล่าวเพื่อดำเนินการต่อไป
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่