กรมที่ดิน สนองนโยบายรัฐเร่งออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ป้องกันปัญหาบุกรุกที่ดินของรัฐ จัดทำโครงการเร่งรัดตั้งเป้า 3 ปี ออกหนังสือ 1,467 แปลง พื้นที่ 18 จังหวัด จากทั้งหมด 10,967 แปลง ระบุหากทำตามแผนเดิมใช้เวลาเกิน 10 ปี
นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล อธิบดีกรมที่ดินกล่าวว่า ภายหลังจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2557 ให้กรมที่ดิน ดำเนินการโครงการรังวัดออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เพื่อความมั่นคง และการอนุรักษ์ที่ยั่งยืน เทิดไท้ 82 พรรษามหาราชินี เนื่องจากพบว่า มีที่ดินสาธารณประโยชน์ที่ได้นำขึ้นทะเบียนที่ดินสาธารณประโยชน์ไว้ แต่ยังมิได้ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงอยู่อีก จำนวน 10,967 แปลง หากจะดำเนินการตามแผนงานเดิมจะต้องใช้เวลาเกินกว่า 10 ปี จึงจะดำเนินการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงในที่ดินสาธารณประโยชน์ได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั้งประเทศ
ดังนั้น กรมที่ดินจึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวเพื่อเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี เริ่มจากปีงบประมาณ พ.ศ.2558-2560 เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะให้ที่ดินของรัฐมีแนวเขตที่ชัดเจน อันเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2558 กำหนดเป้าหมาย 1,467 แปลง ในพื้นที่ 18 จังหวัด โดยแยกเป็น
1.ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ส่วนกลางในพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดขอนแก่น จังหวัดมหาสารคาม จังหวัดยโสธร จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดสกลนคร จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดอุดรธานี และจังหวัดอำนาจเจริญ เป้าหมาย 1,056 แปลง
2.ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินจังหวัดในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดนครนายก จังหวัดนครพนม จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดยะลา จังหวัดระยอง จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสงคราม เป้าหมาย 411 แปลง (เนื่องจากแปลงที่ดินมีจำนวนน้อย และเป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการดำเนินการ โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดท้องที่)
อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมที่ดินได้มีการเตรียมความพร้อมในการดำเนินการ โดยให้จังหวัดตรวจสอบข้อมูล เตรียมคำขอ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ราษฎรในพื้นที่ทราบแนวทางการดำเนินการ และกำหนดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 เป็นต้นไป ซึ่งเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะส่งผลให้ที่ดินสาธารณประโยชน์ได้มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงไว้เป็นหลักฐานราชการ มีแนวเขตเนื้อที่ที่ชัดเจน สามารถป้องกัน และแก้ไขการบุกรุกที่ดินของรัฐได้