หุ้นปิดบวก 1.29 จุด เผยปัจจัยในประเทศยังมีความคาดหวังจากเม็ดเงินของทริกเกอร์ฟันด์ ที่น่าจะเข้ามาในสัปดาห์นี้อีก 2-3 พันล้านบาท จาก 5-6 กองทุน แนวโน้มพรุ่งนี้ ตลาดน่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up ซึ่งจะมาจากเม็ดเงินของทริกเกอร์ฟันด์ และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอแล้ว หลังการสู้รบในเยเมนเริ่มคลี่คลายลง
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (30 มี.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,496.51 จุด เพิ่มขึ้น 1.29 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.09% มูลค่าการซื้อขาย 55,160.98 ล้านบาท โดยภาพรวมในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน แม้จะมีแรงเทขายทำกำไรสวนออกมา ดัชนีแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,504.54 จุด ส่วนจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,495.37 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรินีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ทรงตัวในแดนบวกได้ตามตลาดหุ้นทั่วโลก ขานรับปัจจัยบวกจากจีนในเรื่องนโยบายการเงินที่มีรูมที่จะผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ หลังจากที่ผู้ว่าแบงก์ชาติของจีนได้ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจจีนเติบโตช้ากว่าที่คาดไว้ ด้วยปัจจัยนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ต่างอยู่ในแดนบวกกันทั่วหน้า
นอกจากนี้ ปัจจัยในประเทศก็ยังมีความคาดหวังจากเม็ดเงินของทริกเกอร์ฟันด์ที่น่าจะเข้ามาในสัปดาห์นี้อีก 2-3 พันล้านบาท จาก 5-6 กองทุน ซึ่งน่าจะเป็นแรงหนุนให้ดัชนีฯ ยืนเหนือระดับ 1,500 จุดได้
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (31 มี.ค.) นายณัฐชาต กล่าวว่า ตลาดน่าจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up ซึ่งจะมาจากเม็ดเงินของทริกเกอร์ฟันด์ และแรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะชะลอแล้วหลังการสู้รบในเยเมนเริ่มคลี่คลายลง พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด โดยสามารถถือหุ้นได้ตลอดสัปดาห์นี้
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่
AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,000.89 ล้านบาท ปิดที่ 280.00 บาท ลดลง 13.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,663.90 ล้านบาท ปิดที่ 238.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,276.41 ล้านบาท ปิดที่ 12.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,272.53 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,165.26 ล้านบาท ปิดที่ 227.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท