แสนสิริ เปิดแผนปี 58 ลุยเปิดคอนโด 8 โครงการมูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 2.2 หมื่นล้าน รับรู้รายได้ 2.2 หมื่นล้าน เช่นกัน เผย Backlog ตุนในมือแล้ว 1.8 หมื่นล้าน ปี 57 เนื้อหอมต่างชาติแห่ซื้อ 1,600 ล้านบาท ชาวจีนเยอะสุดเกือบ 30% ล่าสุด ตั้งเอเยนต์ขายในประเทศจีน ชี้ตลาดใหญ่เศรษฐีใหม่เพียบ ปี 58 ตั้งเป้าขายต่างชาติ 3,500 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทมีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่า 21,000 ล้านบาท โดยจะเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมในทำเลย่านธุรกิจ และทำเลติดสถานีบีทีเอส และไม่มีแผนลงทุนในต่างจังหวัด แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ 3 โครงการ ระดับราคาตั้งแต่ 2 แสนบาท/ตารางเมตรขึ้นไป โครงการระดับกลาง 4 โครงการ และระดับล่าง ราคา 7-8 หมื่นบาท/ตร.ม. อีก 1 โครงการ โดยจะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 นี้เป็นต้นไป
สำหรับคอนโดมิเนียมโครงการแรก “The Monument” (เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า) ห่างจากสถานนีบีทีเอส สนามเป้า 300 เมตร มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการแรกภายใต้ความร่วมมือกับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เปิดตัวโครงการ “The Line” เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต ภายใต้แนวคิด Location is Everything ติดสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT สถานีหมอชิต มูลค่าโครงการ 5,600 ล้านบาท โดยจะพัฒนาภายใต้ บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้ง วัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SIRI และ BTS มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 100 ล้านบาท ในสัดส่วน 50:50 โดยเตรียมเปิดตัวในไตรมาส 2 นี้เช่นกัน
ตั้งเป้าขายคอนโดฯ 2.2 หมื่นล้านบาท
ส่วนเป้าหมายการดำเนินงานในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 22,000 ล้านบาท โดย 2 เดือนแรกสามารถสร้างยอดขายไปได้แล้ว 2,000 ล้านบาท โดยที่ไม่ได้เปิดโครงการใหม่ ส่วนในช่วงที่เหลือคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้อย่างแน่นอน ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ตลาดเริ่มดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา และยังมีปัจจัยบวกจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ทำให้ความสามารถในการซื้อของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นประมาณ 2%
“บริษัทตั้งเป้ายอดขายรวมสำหรับคอนโดมิเนียมในปี 2558 ไว้ประมาณ 22,000 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดขายรวมของบริษัท 30,000 ล้านบาท รวมทั้งตั้งเป้าหมายรายได้คอนโดมิเนียมไว้ที่ 22,000 ล้านบาท จากเป้าหมายรายได้รวม 34,000 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้ารายได้ที่วางไว้ เนื่องจากบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ของคอนโดมิเนียมอยู่ในมือแล้วถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80% ของเป้ารายได้คอนโดมิเนียม ดังนั้น จึงยังคงเหลือยอดขาย และยอดโอนที่จะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายอีกเพียง 20% หรือ 4,000 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้จากเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ 34,000 ล้านบาท ไว้แล้วถึง 65% เช่นกัน” นายอุทัย กล่าว
นายอุทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2558 คาดว่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีซัปพลายใหม่เข้าสู่ประมาณ 1.2 แสนยูนิต จากปีที่แล้ว 1.1 แสนยูนิต ในปีที่ผ่านมา มีปริมาณคอนโดมิเนียมเหลือขายมาในปีนี้ประมาณ 61,000 ยูนิต ส่วนราคาเฉลี่ยจะปรับขึ้นประมาณ 7% ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลดลง ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างทรงตัว แต่ต้นทุนหลักๆ อยู่ที่ราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นมาก รวมถึงค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าราคาเฉลี่ยคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ จะอยู่ที่ 9.5 หมื่นบาท/ตารางเมตร เพิ่มขึ้นจากปี 57 ที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 8.8 บาท/ตร.ม.
เนื้อหอมต่างชาติแห่ซื้อคอนโดฯ
นอกจากนี้ การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ยังช่วยให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาลงทุน และทำงานในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตาม โดยชาวต่างชาติยังนิยมซื้อบ้านหลังที่ 2 ในเมืองไทย เนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ อีกทั้งยังมีราคาถูกเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกัน
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายจากชาวต่างชาติสูงถึง 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่มียอดขายชาวต่างชาติ 900 ล้านบาท โดยชาวจีนเป็นชาติที่ซื้อสูงสุดประมาณ 20-30% รองลงมา ชาวรัสเซีย ซึ่งปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายให้ชาวต่างชาติเป็น 3,500 ล้านบาท โดยบริษัทได้จับมือ บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เปิดตัวบริการ Plus Concierge (พลัส คอนเซียร์จ) ซึ่งเป็นที่สุดของบริการเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าแสนสิริ และกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุน ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และรองรับลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งบริการหลักเพิ่มเติม โดยเตรียมเปิดให้บริการใน 6 จังหวัดทั่วประเทศเร็วๆ นี้
“นอกจากนี้ บริษัทยังแต่งตัวตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ (โบรกเกอร์) ในประเทศจีน เพื่อเจาะตลาดชาวจีนโดยเฉพาะ ซึ่งที่ผ่านมา แนวโน้มการซื้อคอนโดมิเนียมในไทยของชาวจีนมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มลูกค้าระดับไฮเอนด์และกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ซึ่งปัจจุบัน จีนมีกลุ่มเศรษฐีเกิดใหม่จำนวนมาก และต้องการซื้อบ้านพักหลังที่ 2 ในต่างประเทศ ซึ่งราคาขายคอนโดฯ ไฮเอนด์ของไทยเพียง 2-3 แสนบาท/ตร.ม. ขณะที่ราคาในจีนสูงกว่า 8 แสนบาท/ตร.ม. ทำให้คนจีนนิยมซื้อคอนโดฯ ในไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะทำเลเมืองท่องเที่ยว และทำเลใจกลางกรุงเทพฯ” นายอุทัย กล่าว
โดยโครงการที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ เช่น โครงการบ้านไม้ขาว ภูเก็ต และ เดอะ เดค ป่าตอง ภูเก็ต เป็นต้น ขณะที่โครงการเดอะ เบส พาร์ค อีสต์ ในกรุงเทพฯ ก็ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติในการซื้อเพื่อลงทุน ทั้งนี้ ความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัว Rental for the Holidays โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่เปิดบริการให้เช่าระยะยาวแก่ชาวต่างชาติในปีที่ผ่านมา เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดให้ลูกค้าต่างชาติสนใจซื้อคอนโดฯ ตากอากาศของแสนสิริมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบัน Rental for the Holidays ได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติที่เข้ามาพักผ่อนในเมืองไทย และมีลูกค้าใช้บริการแล้วกว่า 900 ราย โดยมีกลุ่มชาวต่างชาติที่สนใจเช่าระยะยาวสูงสุด คือ ชาวรัสเซีย