xs
xsm
sm
md
lg

“วายแอลจี” ชี้ QE ยุโรปทำดอลลาร์แข็งค่า กดดันราคาทองอ่อนตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“วายแอลจี” ราคาทองคำยังถูกกดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังมาตรการ QE ฝั่งยุโรปเริ่มดำเนินการ รอลุ้นเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้าทองคำ ช่วยพยุงราคาไม่อ่อนตัวลงมาก
 

“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงภาพรวมของราคาทองคำที่ผ่านมา ราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ยังคงมีการปรับตัวแข็งค่าขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ปีครึ่ง อีกทั้งการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐยังเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ ลดความน่าสนใจในการลงทุนลง ทั้งนี้ ดอลลาร์มีการปรับตัวแข็งค่าขึ้นค่อนข้างมาก หลังจากสกุลเงินยูโรมีการล่วงลง แตะระดับต่ำกว่า 1.10 ดอลลาร์ เนื่องจากธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB มีการประกาศอัดฉีดสภาพคล่อง หรือการทำ QB ในฝั่งยุโรป ประมาณเดือนละ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
 ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้สกุลเงินในฝั่งยูโรโซนด้อยค่าลง และนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคาดการณ์ว่า การอัดฉีดสภาพคล่องที่มีการระบุเอาไว้ว่าอาจจะสิ้นสุดในช่วงของเดือนกันยายันปี 2016 อาจจำเป็นที่จะต้องทำการอัดฉีดสภาพคล่อง หรืออัดเงินเข้าสู่ระบบเพิ่มเติม ดังนั้น ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นยังคงส่งผลให้สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงไปอีก อย่างไรแล้วก็ตาม ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นทำให้นักลงทุนยังคาดการณ์ว่า อาจจะมีเม็ดเงินบางส่วนไหลเข้าสู่ตลาดทองคำ ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่มากนัก

 

สำหรับปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา ในฝั่งยูโรโซนยังคงมีการประชุมในส่วนของรัฐมนตรีคลัง ซึ่งอาจจะต้องจับตาการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง พร้อมสถานการณ์ในกรีซ ที่ยังคงมีความไม่ชัดเจน และเศรษฐกิจยังชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขทางเศรษฐกิจในฝั่งจีน จะมีการเปิดเผยผลผลิตภาคอุตสหกรรมประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งยังคงต้องจำตาดูว่าเศรษฐกิจในฝั่งจีนมีทิศทางไปในทิศทางใด หลังจากที่ผ่านมา สภาประชาชนในฝั่งจีน มีการปรับลดตัวเลขการคาดการณ์โดยรวมของเศรษฐกิจจีน จากระดับ 7.5% ลงมาเหลือ 7.00% ในปีนี้ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ยังคงต้องจับตา ไม่ว่าจะเป็นส่วนของตัวเลขสต๊อกสินค้า และยอดค้าส่งประจำเดือนมกราคม และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานประจำสัปดาห์ ซึ่งหากเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ยังมีทิศทางที่ยังคงสดใส ซึ่งปัจจัยดังกล่าวยังคงหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์มีทิศทางแข็งค่าขึ้น และยังคงกดดันในส่วนทิศทางของราคาทองคำ


โดยกลยุทธ์ในการลงทุนนักลงทุนยังคงลงทุนในกรอบระยะสั้น อาศัยการแกว่งของราคาทองคำ เพื่อทำกำไรระยะสั้นเหมือนเดิม โดยประเมินกรอบแนวรับด้านล่างบริเวณ 1,180-1,160 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงอาจจะต้องรอในส่วนของการย่อตัวลงมาของราคาหากโซนระดับ 1,180 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ รับไม่อยู่อาจจะตัดขาดทุนบางส่วนเพื่อชะลอการเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไปบริเวณ 1,160 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์
 
ขณะที่หากราคามีการดีดตัวขึ้น การถือสถานะขายในตัวของโกล์ดฟิวเจอร์ยังถือว่าปลอดภัยอยู่ หากราคายังไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนอยู่เหนือระดับ 1,225 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ ได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากราคากลับขึ้นไปยืนได้ นักลงทุนสามารถชะลอการขายไปยังโซนแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,240 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งยังคงเป็นแนวต้านระยะกลางที่ยังคงแข็งแกร่ง แต่หากราคายังคงไม่สามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,240 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ ได้ อาจเห็นการย่อตัว หรือการอ่อนตัวลงมาของราคาอีกครั้ง โดยยังมีโอกาสที่จะทดสอบระดับ 1,200 เหรียญดอลลาร์/ออนซ์ ทำให้ทิศทางของราคาทองคำ ยังคงมีการแกว่งตัวในแบบ sideway down 
กำลังโหลดความคิดเห็น