“วายแอลจี” ทองยังแกว่งตัวผันผวน ปัญหากรีซดันราคาปรับเพิ่มแต่ถูกแรงขายทำกำไรกดดัน หลังเศรษฐกิจจีนมีท่าทีชะลอตัว แนะลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น ขายเมื่อราคาปรับตัวสูง และเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
นายวรุต รุ่งขำ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ “วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส” ประเมินทิศทางราคาทองคำกล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ราคายังคงแกว่งตัวค่อนข้างผันผวน โดยเมื่อราคาปรับขึ้นก็จะมีแรงขายเข้ามา ขณะที่เมื่อราคาปรับตัวลงก็จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาทองคำไว้ เนื่องากได้รัยปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดในกรีซเริ่มกลับมาทวีความรุนแรงอีกครั้ง หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ออกมาปฏิเสธ หรือยอมให้กรีซใช้พันธบัตรของรัฐบาลกรีซเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการกู้ยืมเงินของกรีซ ทำให้กรีซมีความเสี่ยงต่อการอัดฉีดสภาพคล่องให้แก่ระบบสถาบันการเงินภายในประเทศ และหากกรีซไม่สามารถนำเงินมาชำระหนี้ได้ ก็จะส่งผลให้กรีซต้องออกจากยูโรโซน ซึ่งจะทำให้ภาคการเมืองเกิดความผันผวนขึ้นอีกครั้ง
“ปัญหากรีซทำให้ราคารทองคำปรับเพิ่ม แต่เมื่อราคาเพิ่มขึ้นก็เจอแรงขายทำกำไรจากการที่ตัวเลขเศรษฐกิจของจีนมีการอ่อน หรือชะลอตัวลง แม้ทางการจีนจะลดกันเงินสำรองภาคธนาคารลง แต่ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ราคาทองคำดีดตัวได้เพียงระยะสั้น ดังนั้น เมื่อราคาทองคำปรับขึ้นจึงยังคงมีแรงขายทำกำไรในทองคำออกมา”
สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงนี้ ราคาทองคำยังคงมีความผันผวน และแกว่งตัวตามข่าวที่เข้ามากระทบอยู่รายวันเช่นเดิม โดยสถานการณ์ในกรีซถือเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา ด้วยรัฐมนตรีคลังของกลุ่มสหภาพยุโรปในยูโรโซน 19 ประเทศ จะมีการประชุมเพื่อหาทางออกให้กรีซ ซึ่งต้องจับตาดูรัฐมนตรีการคลังของกรีซในการเสนอแผนปฏิรูป และการสวอปในส่วนพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่เยอรมนี ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ในกลุ่มไทก้า ออกมาคัดค้านเพราะมองว่า การสวอปหนี้ของกรีซยิ่งทำให้ต้นทุนกู้ยืมของกรีซเพิ่มขึ้น และกรีซอาจไม่รักษาวินัยในการปฏิรูปเศรษฐกิจ
“ต้องติดตามในเรื่องดังกล่าวจะเจรจาได้มากน้อยเพียงใด หากเจรจาได้จะมีผลให้ราคาทองคำอ่อนตัวลง แต่หากไม่สำเร็จ กรีซไม่ยอมใช้นโยบายรัฐเข็มขัด ประชาชนมีการประท้วง จนส่งผลให้สถานการณ์รุนแรงกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจได้ ก็คาดว่าจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น จากฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย”
นอกจากนี้ ต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของทางการจีนที่จะมีการประกาศในเรื่องดัชนีผู้บริโภค และการประกาศงบดุลของสหรัฐฯ รวมไปถึงตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้นเช่นเดิม โดยหากราคาทองคำดีดขึ้น แต่ไม่สามารถยืนอยู่เหนือระดับ 1,300-1,305 เหรียญ/ออนซ์ แนะนำให้ผู้ที่มีทองคำทยอยแบ่งขายทองคำบางส่วนออกมาทำกำไร ขณะที่การเข้าซื้ออาจต้องรอให้ราคาทองคำอ่อนตัวลงมาแตะระดับ 1,230 -1,200 เหรียญ/ออนซ์ แต่ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ และตรุษจีนยังมีมุมมองเชิงบวกที่จะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ดังนั้น เมื่อราคามีการขยับขึ้น ประกอบกับสถานการณ์ยังมีความผันผวน จึงแนะนำให้ทยอยแบ่งทองคำที่ถืออกมาขายทำกำไร และรอการย่อตัวเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวไปก่อน