บางกอก เดค-คอน ตั้งเป้าโต 20% ต่อเนื่อง 5 ปี คาดรับรู้รายได้สะสมจากงานในมือปีนี้แตะ 2,600 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบ 3,000 ล้านบาท เล็งทำธุรกิจอสังหาฯ บนที่ดินกรุงเทพ-กรีฑา คาดสรุปความชัดเจนภายในปีนี้
นางสาวกนกนารถ รัตนสุวรรณชาติ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.บางกอก เดค-คอน หรือ BKD กล่าวว่า บริษัทฯ คาดว่าผลประกอบการณ์ในปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 20% ระยะเวลาต่อเนื่อง 5 ปีติดต่อกัน ซึ่งบริษัทตั้งเป้ารับรู้รายได้ในปีนี้ไว้ไม่ต่ำกว่า 1,320 ล้านบาท โดยมีงานในมือ (Backlog) สะสมขณะนี้กว่า 1,320 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ปีนี้ไม่น้อยกว่า 80% จากรายได้งานในมือทั้งหมด ขณะที่รายได้สะสมของบริษัทฯ ทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 2,600 ล้านบาท โดยงานส่วนใหญ่ในขณะนี้จะเป็นงานของทางหน่วยงานราชการ เช่นกระทรวงศึกษาธิการ และกรมกองต่างๆ เป็นหลัก
“Backlog ส่วนใหญ่ของบริษัทฯ ในขณะนี้ จะเป็นงานของมหาวิทยาลัยของรัฐต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลค่างาน 200 ล้านบาท มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มูลค่างาน 600 ล้านบาท และงานอื่นๆ ของกระทรวงศึกษาธิการเป็นหลัก อีกทั้งยังเตรียมที่จะเข้าประมูลงานของรัฐในหน่วยงานต่างๆ เพิ่มเติมในปีนี้ โดยคาดว่าจะได้งานไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่างานทั้งหมด”
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูลเพื่อเตรียมความพร้อมในการที่จะลงทุนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ บนโครงการที่ดินจำนวน 20 ไร่บริเวณกรุงเทพ-กรีฑา มูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นสินทรัพย์ของบริษัทฯ โดยคาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนได้ภายในปีนี้ ขณะที่ในส่วนของงานโครงการตกแต่งภายโรงแรมแมริออท กรุงเทพ คาดว่า จะสามารถสรุปความชัดเจนได้ในต้นเดือนเมษายนนี้ ขณะที่ในส่วนของงานตกแต่งภายในโรงแรมเมือเคียว คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในปลายเดือนนี้
อย่างไรก็ดีในส่วนของงานในต่างประเทศ บริษัทฯ ประมาณการณ์รายได้ในปีนี้คาดว่าจะไม่เกิน 10% โดยบริษัทฯ เตรียมที่จะเดินทางไปสำรวจแบบ และประเมินราคางานตกแต่งภายในของโรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก จำนวน 200 ห้อง ภายในปลายเดือนมีนาคมนี้ ขณะที่ในส่วนของงานโครงการ ชิป หมง แลนด์ ในประเทศกัมพูชา ยังมีความล่าช้าในการก่อสร้างอยู่มาก จึงอาจรับรู้รายได้บางส่วนในไตรมาส 4 ปีนี้ และจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2559
ทั้งนี้ บริษัทฯ ประเมินเป้ารายได้ในปีนี้เติบโตขึ้นไม่น้อยกว่า 21% ขณะที่ในปีก่อนหน้าอยู่ที่ 11% ส่วนกำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 10.5% จากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 2% เนื่องจากว่าบริษัทฯ มีส่วนของการรับรู้รายได้จากงานในมือมากขึ้น และต้นทุนที่ถูกลง