ECF ทำรายได้ปี 57 กว่าที่ 1,235.32 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ส่วนกำไร 69.88 ล้านบาท คิดเป็นเติบโต 71.32% เตรียมจ่ายปันผลมากกว่า 50% ของกำไรหลังหักค่าใช้จ่าย ตั้งเป้าปี 58 สร้างยอดขายเติบโตไม่ต่ำกว่า 12% พร้อมเดินเกมรุกบุกตลาดในบ้าน-นอกบ้านตามแผน
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค หรือ ECF กล่าวถึงผลการดำเนินงานปี 2557 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,235.32 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,193.31 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น ประมาณ 5% และมีกำไรสุทธิ 69.88 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 40.79 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 71.32%
“ภาพรวมผลประกอบการปี 2557 เติบโตจากรายได้จากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ในประเทศเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 โดยคาดว่าเป็นผลจากผู้บริโภคในประเทศเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ประกอบกับที่ผ่านมาบริษัทเน้นจัดรายการส่งเสริมการขาย ทำโปรโมชัน ร่วมกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ที่สั่งซื้อโดยใช้ตราสินค้าของบริษัท ได้แก่ แบรนด์ MUSE ที่จำหน่ายให้กับเทสโก้ โลตัส แบรนด์ LEAF จำหน่ายให้กับโฮมโปร แบรนด์ Fur Direct จำหน่ายผ่านบิ๊กซี แบรนด์ เอ เซเว่น จำหน่ายผ่านเมกาโฮม และน้องใหม่ล่าสุดแบรนด์ CUBE เริ่มจำหน่ายผ่านไทวัสดุเมื่อช่วงปีที่ผ่านมา ประกอบกับการจำหน่ายสินค้าผ่านโชว์รูม ELEGA และกลุ่มร้านค้าส่งเฟอร์นิเจอร์ ต่างก็มียอดขายที่เติบโตต่อเนื่องสำหรับช่วงปีที่ผ่านมา สำหรับตลาดต่างประเทศ นอกจากกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นแล้ว บริษัทยังได้ขยายจากกลุ่มลูกค้ารายใหม่ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าในตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา ฟิลิปปินส์ อินเดีย และ AEC ซึ่งมีปริมาณคำสั่งซื้อเพิ่มมากขึ้น ตามการขยายตัวของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และความต้องการของตลาดในต่างประเทศ ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้จากการส่งออกทำให้ภาพรวมยังสามารถเติบโตได้ในช่วงปีที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทได้ใช้เทคโนโลยีใหม่เพื่อการผลิตช่วยให้สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มของราคาของวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต อาทิ ไม้ปาติเคิลบอร์ด ไม้ยางพารา มีแนวโน้มของราคาที่มีเสถียรภาพ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้น”
นอกจากนี้ มติของคณะกรรมการบริษัทนอกจากเรื่องการอนุมัติงบการเงินแล้ว ยังได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.069 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35.88 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54.46% ของกำไรสุทธิหลังหักค่าใช้จ่าย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้ ขณะที่ในส่วนของการขยายธุรกิจไปในด้านพลังงานทดแทน คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยทางอ้อม เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1.5 เมกะวัตต์ ที่เมืองฮิเมจิ จังหวัดฮิวโกะด้วย โดยบริษัทย่อย อีซีเอฟ โฮลดิ้งส์ ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 จะเป็นผู้เข้าถือหุ้นในโครงการดังกล่าวที่สัดส่วนร้อยละ 51 โดยคาดว่าจะเริ่มการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าได้ภายในไม่เกินไตรมาสที่ 4 ปี 2558 นี้ ทั้งนี้ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นให้ได้ 10-15 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทยังอนุมัติในหลักการที่จะเริ่มการศึกษาความเป็นไปได้ของการเข้าลงทุนในธุรกิจประเภทโรงไฟฟ้าจากพลังงานชีวภาพและพลังงานชีวมวลด้วย โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเริ่มต้นโครงการแรกให้ได้ภายในไตรมาสที่ 3 ปีนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2558 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตอย่างน้อย 12% ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวยังไม่นับรวมกับธุรกิจใหม่ที่จะเข้ามา โดยคาดว่าตลาดในประเทศมีทิศทางปรับตัวดีขึ้น จึงถือเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์โดยตรง เนื่องจากความต้องการในตลาดจะเพิ่มสูงขึ้น กำลังซื้อจะเริ่มทยอยกลับมา ซึ่งเป็นปัจจัยช่วยผลักดันให้ยอดขายของบริษัทเติบโตเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทได้มีกลยุทธ์กระตุ้นยอดขายโดยออกผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ เพิ่มช่องทางจำหน่ายในประเทศให้มากขึ้น และเจรจากับกลุ่มลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ โดยภายในปีนี้มีแผนจะขยายไปในธุรกิจอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ของบริษัทได้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง