xs
xsm
sm
md
lg

เอคิวลุยอสังหาฯ 9 โครงการค่า 8 พันล้าน เล็งรับบริหารโครงการต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์
เอคิวฯ ลุยอสังหาฯ ปี 58 เปิด 9 โครงการ มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท เผยมีโครงการขาดสภาพคล่องเสนอขายให้ทุกเดือน พร้อมรับซื้อหากอยู่ในทำเลดี ล่าสุด ซื้อโครงการย่านสวนหลวงพัฒนาต่อ 1 โครงการ เป้ายอดขายปีนี้ 2,500 ล้านบาท เผยเตรียมกลับมารับบริหารโครงการต่อ

นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา มีโครงการที่ไม่ประสบความสำเร็จมาเสนอขายให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน สถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อให้ ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถพัฒนาโครงการต่อไปได้ บางโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ดี แต่พัฒนาสินค้าไม่ตรงต่อความต้องของผู้บริโภค ซึ่งบริษัทมีนโยบายซื้อโครงการเหล่านี้มาพัฒนาต่ออยู่แล้ว เพราะโครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่ผ่าน EIA มาแล้ว ซึ่งจะทำให้สามารถพัฒนาโครงการต่อได้เลยโดยไม่ต้องรอขออนุญาต โดยจะเลือกจากศักยภาพทำเลที่ตั้งเป็นหลัก ส่วนเรื่องอื่นสามารถแก้ไขได้

“ล่าสุด บริษัทได้ซื้อโครงการบ้านเดี่ยวย่าน ถ.เฉลิมพระเกียตริ สวนหลวง ร.9 มาพัฒนาต่อ ซึ่งที่ผ่านมา มีโครงการที่ไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้มาเสนอขายให้ทุกเดือน ส่วนใหญ่มีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง มีทั้งโครงการแนวราบ และคอนโดมิเนียม แต่เชื่อว่าแนวโน้มที่ผู้ประกอบการทำโครงการไม่ประสบความสำเร็จจะมีไม่มาก เพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากว่า 7-8 ปี ” นางยงยุทธ กล่าว

การเข้มงวด และระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินจะช่วยให้ปัญหาโครงการไม่ประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งบริษัทกฤษดา มหานคร จำกัด (มหาชน) ก่อนเปลี่ยนมาเป็นเอคิวฯ ก็ไม่เคยได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินเลยตั้งแต่ปี 2540 แต่ปัจจุบันบริษัทได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงินกว่า 1,657 ล้านบาท เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารเกียตรินาคิน เป็นต้น ทำให้ในปัจจุบันหนี้สินต่อทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 0.04 เท่านั้น ซึ่งบริษัทมีนโยบายเพิ่มเป็น 1-1.5 เท่า แต่จะรักษาวินัยทางการเงินอย่างเคร่งครัด

สำหรับแผนพัฒนาโครงการในปี 2558 ตั้งเป้าเปิด 9 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการ รังสิต บิซ พาร์ค โฮมออฟฟิต ขนาดที่ดิน 80 ตารางวา 3 ชั้น จำนวน 233 ยูนิต ติดถนนใหญ่พหลโยธิน-รังสิต ราคาเริ่มต้น 9 ล้านบาท/ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 270 ล้านบาท

2.โครงการ เอคิว เอสเตส อโศก คอนโดมิเนียม High Rise สูง 30 ชั้น จุดเด่นคือ เพดานสูง 3.60 เมตร จำนวน 318 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.2 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,423 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ในเดือนมิถุนายน 2558 นี้

3.โครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ถนนเฉลิมพระเกียตริ ใกล้สวนหลวง ร.9 จำนวน 124 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 7 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 1,150 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ซื้อมาจากผู้ประกอบการรายเดิมที่ผ่านการอนุมัติ EIA แล้ว

4.โครงการทาวน์โฮมรูปแบบใหม่ ใกล้สวนสยาม จำนวน 54 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5.4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 306 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายได้ในช่วงเดือนกันยายน 2558

5.โครงการอสังหาฯ ขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 117 ไร่ ประกอบไปด้วย บ้าน จำนวน 726 ยูนิต รวมถึงรีแทล และคอมมูนิตี มอลล์ โครงการตั้งอยู่ตรงข้ามเซ็นทรัล รังสิต ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในปัจจุบัน โดยจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส มูลค่าโครงการประมาณ 2,750 ล้านบาท

6.โครงการบ้านติดถนนใหญ่ พหลโยธิน-รังสิต มูลค่าโครงการ 360 ล้านบาท

7.โครงการบ้านเดี่ยวหรู ดีไซน์โมเดิร์น กลางเมือง ถนนอโศก-พระราม 9 จำนวน 25 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 18 ล้านบาท มูลค่าโครงการประมาณ 490 ล้านบาท

และโครงการในต่างจังหวัด 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการบ้านเดี่ยว จังหวัดชลบุรี ใกล้อมตะนคร จำนวน 262 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 978 ล้านบาท คาดเปิดขายในเดือนกันยายนนี้ และ 2.โครงการภูรีศาลา ภูเก็ต Pool Villa หรู อยู่บริเวณหาดสุรินทร์ บางเทา จำนวน 18 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 17 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 330 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการโรงแรม 2 แห่ง และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 1 โครงการ โดยจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ ได้แก่ 1.ชาซ่า เกาะล้าน จ.ชลบุรี บนเนื้อที่กว่า 80 ไร่ โดยจะพัฒนาในเฟสแรก โรงแรม จำนวน 150 ห้อง 2.ปรับปรุงโรงแรมกฤษดาดอย จากเดิมมีเพียง 20 ห้อง เพิ่มอีก 50 ห้อง และทำการปรับปรุงสวนดอกไม้ใหม่ โดยใช้นักจัดสวนระดับโลกเป็นผู้ออกแบบ และ 3.เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ 150 ห้อง 3 อาคาร ซ.ศูนย์วิจัย

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ามียอดขาย 2,500 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 40% ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ 1,798 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้ในปีนี้ 901 ล้านบาท และในส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้จนถึงปี 2560 และตั้งเป้าภายใน 3 ปี มียอดขาย 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทมีแผนกลับมารับจ้างบริหารโครงการให้แก่ผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากทีมงานมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่แล้ว

นายยงยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้บริษัทได้ใช้เงินซื้อที่ดินไปแล้ว 2 แปลง มูลค่า 500 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปี 2559-2560 และเตรียมวงเงินลงทุนอีกจำนวน 1,000 ล้านบาทในปีนี้ โดยเงินลงทุนดังกล่าวมาจากการเพิ่มทุน 1,850 ล้านบาท ไปแล้วในปีที่ผ่านมา สำหรับในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำยอดขายได้แล้ว 300-400 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัว


กำลังโหลดความคิดเห็น