ตลท. อ้าแขนรับ SCN เป็น บจ.น้องใหม่ กลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค คาดเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 23 ก.พ.นี้
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บมจ.สแกน อินเตอร์ (SCN) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน ตลท. ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2558 โดย SCN ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร ได้แก่ การออกแบบ รับเหมา ติดตั้ง และซ่อมบำรุงอุปกรณ์ตามสถานี NGV การให้บริการอัดก๊าซและขนส่งไปยังสถานีบริการของ ปตท. การติดตั้งระบบก๊าซในรถยนต์ และการจำหน่ายก๊าซธรรมชาติอัดให้โรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ด้วย
ทั้งนี้ SCN มีทุนชำระแล้ว 600 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 900 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 300 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 5.00 บาท เมื่อวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ 2558 มีมูลค่าระดมทุนรวม 1,500 ล้านบาท และมีบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายธัญชาติ กิจพิพิธ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCN เปิดเผยว่า SCN มีจุดเด่นด้านการคิดค้น และพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีทางพลังงาน และเป็นเจ้าของสิทธิบัตรการประดิษฐ์หลายรายการ การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนใน ตลท.ครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้แก่บริษัท โดยจะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้สำหรับขยายธุรกิจในโครงการต่างๆ ต่อยอดทางธุรกิจ และสร้างการเติบโตของรายได้ในอนาคตอย่างยั่งยืนเพื่อก้าวสู่หนึ่งในผู้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
SCN มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มตระกูลกิจพิพิธ ถือหุ้นรวม 73.89% กลุ่มตระกูลชลคดีดำรงกุล ถือหุ้นรวม 0.91% และนายนพดล แสงอุทัย ถือหุ้น 0.53% การกำหนดราคาเสนอขายครั้งนี้ทำโดยวิธี book building ที่ช่วงราคา 4.70-5.00 บาทต่อหุ้น และได้กำหนดราคาเสนอขายที่ 5.00 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) 30.34 เท่าคำนวณจากกำไรสุทธิโดยไม่คิดรวมกำไรจากการขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ไตรมาส 4/2556-ไตรมาส 3/2557) หารด้วยจำนวนหุ้นภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.16 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด