xs
xsm
sm
md
lg

“ช.ทวี ดอลลาเซียน” คาดรายได้ปีนี้เติบโตได้อีก 10% เตรียมรุกธุรกิจในต่างประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ช.ทวี ดอลลาเซียน (CHO) กล่าวยืนยันว่า บริษัทจะไม่เข้าร่วมการประมูลการจัดซื้อรถเมล์ NGV ของทางองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามประกาศเชิญชวนร่วมประมูล (ทีโออาร์) จัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน วงเงินรวม 1.78 พันล้านบาท หรือราว 3.65 ล้านบาท/คัน ที่จะมีการเปิดรับซองประมูลรอบใหม่ หากยังไม่มีการปรับขึ้นราคากลาง

เนื่องจากบริษัทมองว่า ราคาที่กำหนดไว้ไม่สมเหตุสมผล และขัดแย้งต่อสถานการณ์จริงที่ราคาต้นทุนการผลิตรถปรับตัวสูงขึ้น โดยราคารถเมล์ NGV ที่บริษัททำราคาได้จะอยู่ที่ 4.5 ล้านบาท/คัน แต่ถึงบริษัทจะไม่เข้าร่วมประมูลครั้งนี้ก็จะไม่กระทบต่อผลประกอบการที่ได้คาดการณ์ไว้ เพราะโครงการนี้ไม่ได้รวมไว้ในประมาณการรายได้ปกติ อีกทั้งบริษัทยังมีงานอื่นๆ ที่เป็นงานหลักที่จะมีการประมูล และทยอยรับรู้รายได้อยู่อย่างต่อเนื่อง

“เรายังคงตัดสินใจไม่เข้าร่วมประมูลรถเมล์ NGV กับทาง ขสมก.ในรอบนี้เช่นเดิม หลังจากที่เขายกเลิกรอบที่แล้วไป เพราะคนที่เข้าประมูลคุณสมบัติไม่ได้ และมีการไปปรับแก้เงื่อนไข แต่ราคารถในรอบนี้ก็ยังไม่ปรับยังอยู่เท่าเดิม ซึ่งเป็นราคาที่เราไม่สามารถทำได้ ซึ่งมันก็ขัดต่อความเป็นจริงที่ราคารถมีการปรับตัวสูงขึ้น หากเราทำเราก็ต้องมีการเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นการนำเงินหลวงมาโกงหลวง เราก็ไม่อยากทำ อีกทั้งราคารถที่ ขสมก.กำหนดต้องมีการค้ำประกันกับแบงก์เยอะเกิน ผิดปกติ”

ทั้งนี้ ขสมก. ได้กำหนดเปิดขายซองประกวดราคาจัดซื้อรถโดยสารใช้เชื้อเพลิง NGV จำนวน 489 คัน ครั้งใหม่ในวันที่ 19-27 ก.พ.58 ซึ่งเลื่อนออกมาจากกำหนดเดิมวันที่ 9-13 ก.พ.58 เนื่องจากต้องเพิ่มเงื่อนไขข้อตกลงคุณธรรมที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติก่อนหน้านี้ไว้ในทีโออาร์ด้วย ขณะที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงราคากลางที่กำหนดคันละ 3.65 ล้านบาท

สำหรับการเปิดขายซองประกวดราคาในรอบที่ผ่านมา มีเอกชนยื่นซองประกวดราคามา 3 ราย จากทั้งหมดที่ซื้อซองประกวดราคาไป 33 ราย แต่ก็ต้องยกเลิกไป เพราะทั้ง 3 ราย ไม่มีคุณสมบัติครบตามเงื่อนไข

นายสุรเดช เปิดเผยว่า รายได้ในปีก่อนคาดว่าจะเติบโตราว 50% มาที่ประมาณ 1.4 พันล้านบาท และในปีนี้จะเติบโตขึ้นอีกราว 10% เพราะจะรับรู้รายได้จากงานในมือสิ้นไตรมาส 3/57 กว่า 600 ล้านบาทในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทจะออกสินค้าใหม่เพื่อเสนอขายให้แก่ลูกค้าในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงครึ่งแรกของปี เป็นการทดสอบตลาดก่อน และหากมีผลตอบรับที่ดีบริษัทจะส่งสินค้าออกไปขายต่างประเทศในปีต่อไปด้วย

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันได้มีการรับออเดอร์ให้ประกอบรถลำเลียงอาหารแล้ว 3-4 คัน มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการประกอบรถลำเลียงอาหาร คาดว่าจะสามารถส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ภายในเดือน เม.ย. และจะรับรู้รายได้จากการส่งสินค้าได้ในช่วงไตรมาส 2/58 ซึ่งหากส่งสินค้าล็อตแรกให้แก่ลูกค้าได้สำเร็จ จะทำให้บริษัทมีโอกาสได้รับออเดอร์จากลูกค้าจากออสเตรเลียเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนความคืบหน้าการเข้าร่วมประมูลงานใหม่ที่ดูไบนั้น จะเป็นการประมูลรถลำเลียงอาหารที่ใช้ในสนามบิน จำนวน 18-20 คัน มูลค่าหลายร้อยล้านบาท โดยเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) บริษัทได้ยื่นซองประมูลไปแล้ว และคาดว่าบริษัทมีโอกาสชนะการประมูล 80% ซึ่งหากบริษัทชนะการประมูลจริงนั้นก็จะใช้เวลาในการประกอบรถ และส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ภายใน 4-6 เดือน

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนขยายฐานลูกค้าไปประเทศอื่นๆ เช่น อินเดีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา และการจัดทำแผนการขยายฐานลูกค้า หากบริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้ตามแผน จะส่งผลให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 60% จากปัจจุบันอยู่ที่ 50% สำหรับงบลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ 200 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการขยายศูนย์ซ่อมบำรุงของบริษัท
กำลังโหลดความคิดเห็น