ธ.กรุงไทย คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ ขยายตัวได้ 3.9% จากแรงกระตุ้นการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ส่วนผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจกรุงไทยไตรมาส 4/57 เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความเชื่อมั่นในอนาคต ภาคธุรกิจส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ยกเว้นธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร พร้อมระบุ ปัจจัยเสี่ยง หนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวระดับสูง ราคาพืชผลเกษตรที่ยังตกต่ำ การส่งออกที่ขยายตัวต่ำ ความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุน และความท้าทายทางการเมือง ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
นายพูลพัฒน์ ศรีเปล่ง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2558 โดยเชื่อว่า จะขยายตัวได้ร้อยละ 3.9 จากแรงกระตุ้นของการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาคเอกชนที่จะกลับมาขยายตัว จากการเร่งอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในช่วงก่อนหน้าและจะเกิดการลงทุนจริงปีนี้ รวมถึงการลงทุนเพื่อรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)
นอกจากนี้ การลดลงของราคาน้ำมันจะช่วยลดต้นทุนภาคการผลิตและเพิ่มอำนาจซื้อให้กับผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม หนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวระดับสูง การปรับขึ้นราคาแอลพีจี ภาคขนส่งและเอ็นจีวี ราคาพืชผลเกษตรที่ยังตกต่ำ การส่งออกที่ขยายตัวต่ำ ความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุน และความท้าทายทางการเมือง ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
สำหรับดัชนีธุรกิจกรุงไทย ที่ฝ่ายวิจัยความเสี่ยงธุรกิจจัดทำทุกไตรมาส พบว่าไตรมาส 4/2557 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาส 3 จากระดับ 51.50 ในไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ระดับ 52.37 ส่วนความเชื่อมั่นอนาคตเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 53.81 เนื่องจากนักธุรกิจคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบมากขึ้น รวมทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ลดลงแรง และมีแนวโน้มทรงตัวระดับต่ำ ช่วยลดต้นทุนภาคการผลิต และเพิ่มอำนาจซื้อให้กับครัวเรือน ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป เพื่อรักษาระดับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ เมื่อจำแนกตามประเภทธุรกิจ พบว่าส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ยกเว้นธุรกิจเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เนื่องจากปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำและปัญหาภัยแล้งที่มาเร็วกว่าปกติ ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น เนื่องจากนักธุรกิจคาดหวังผลบวกจากการเร่งรัดโครงการขนส่งมวลชนระบบราง และการตัดถนนสายใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล และภูมิภาค ที่จะส่งผลดีต่อการก่อสร้างและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์