LH Bank เปิดแผนปีนี้ ตั้งเป้าสินเชื่อโต 10-15% ชะลอรายย่อย รุกเอสเอ็มอี-รายใหญ่ เบนเข็มไปต่างจังหวัดรับเออีซี ยันเดินหน้าต่อยังไม่สรุปเลือกพันธมิตร
นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยว่า ในปี 2558 ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตที่ 10-15% หรือมียอดคงค้างที่ 142,000 ล้านบาท จาก 117,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ที่ 27,000 ล้านบาท โดยจะเน้นที่สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายใหญ่ที่น่าจะมีอัตราการเติบโตกว่า 20% ซึ่งจะเน้นในกลุ่มก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และลอจิสติก ขณะที่สินเชื่อรายย่อยเติบโตในระดับชะลอลงที่ 10% จากภาคการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัวมากะหนี้ครัวเรือนที่สูง
พร้อมกันนั้น ก็จะเน้นขยายธุรกิจไปสู่ภูมิภาคมากขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดเออีซี โดยในปีนี้มีแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 10 แห่ง รวมเป็น 127 แห่ง ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีสาขาในกรุงเทพฯ 61 แห่ง จากปีก่อนที่ 60 แห่ง และสาขาในต่างจังหวัดเป็น 66 แห่ง จากปีก่อน 57 แห่ง โดยยังยึดหลักเดิมคือ ขยายไปพร้อมกันพันธมิตรโฮมโปร รวมทั้งธุรกิจด้านหลักทรัพย์ที่เปิดไปเมื่อปลายปีก่อน ก็จะช่วยเสริมธุรกิจให้กลุ่มโดยรวมด้วย
นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนที่เปิดช่องทางดิจิตอล แบงก์กิ้ง เพื่อรองรับความต้องการใช้งานของลูกค้ากลุ่มคนรุ่น ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการประมาณไตรมาส 4 ของปีนี้ และเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ธนาคารได้เปิดตัวสติกเกอร์ LINE แอนมิเมชั่น “ตังค์ ตังค์ แมน” เวอร์ชันใหม่ โดยลูกค้าสามารถดาวน์โหลดฟรีได้ตั้งแต่วันนี้-11 มีนาคม 2558
“สัดส่วนของสินเชื่อธนาคารในปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยในส่วนของสินเชื่อรายย่อยมีสัดส่วนลดลงเหลือ 28% จากปี 56 ที่ 33% และในปีนี้น่าจะลดลงเหลือ 26% เอสเอ็มอีเป็น 23% จาก 20% รายใหญ่เป็น 53% จาก 52% โดยประมาณ ซึ่งเป็นเพราะการบริโภคที่หดตัวลงจากปีก่อน และหนี้ครัวเรือนที่กดดัน”
นางศศิธรกล่าวอีกว่า ในช่วงกลางปีนี้ธนาคารจะออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิวงเงิน 3,000-5,000 ล้านบาท เพื่อสมทบเข้าเป็นเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามมาตรฐาน BIS ซึ่งจะทำให้สัดส่วนเพิ่มขึ้น 13% กว่า จากปัจจุบันที่ 12.41% และสามารถรองรับการทำธุรกรรมของธนาคารได้อีก 3 ปี
ยันยังไม่สรุปพันธมิตร
ส่วนกรณีของการหาพันธมิตรของธนาคารนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยจากพันธมิตร 2-3 รายที่เจรจาอยู่นั้น ยังติดขัดปัญหาบางประการทั้งจากภาวะของคู่เจรจาเอง และจากสภาวะการณ์ในประเทศช่วงปีก่อนที่ไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้ยังไม่สามารถดำเนินในขั้่นตอนต่อไปได้ แต่เรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด โดยธนาคารยังสามารถเติบโตไปด้วยตัวเอง พร้อมๆ ไปกับการหาพันธมิตรที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจของธนาคารได้
“การเลือกพันธมิตรของธนาคารไม่ได้ต้องการเพียงแค่เงินทุน แต่ต้องการธุรกิจที่เสริมหรือต่อยอดกันได้ เรียกว่า win win ทั้งคู่ และการหาก็จะเป็นการคุยกันเรื่อยๆ เปิดรับทั้งต่างประเทศและในประเทศ หากใช่ก็มาถึงขั้นต่อไปคือ ทำ MOU แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นนั้น และแม้จะเราจะอยู่ในช่วงของการหาพันธมิตร เราก็ไม่หยุดที่จะโต เพื่อสร้างความแข็งแกร่งต่อไป”