เอส 11 กรุ๊ป หรือ S11 เสนอขายหุ้น IPO 80 ล้านหุ้น เคาะราคาขายที่ 5.30 บาท/หุ้น พร้อมแต่งตั้ง บล.ทรีนี ตี้ และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้น ร่วมกับโบรกเกอร์ชั้นนำอีก 2 แห่ง บล.ฟินันเซีย ไซรัส และ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เตรียมเปิดจองซื้อวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ คาดลงสนามเทรดในตลาด SET วันที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้ Lead Underwriter ระบุเป็นราคาที่เหมาะสมต่อปัจจัยพื้นฐาน แถมมีส่วนลดให้นักลงทุนซื้อถึง 50% ขณะผู้บริหารมั่นใจพื้นฐานแกร่ง
นายชาญชัย กงทองลักษณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ในฐานะที่ ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของบริษัท เอส 11 กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ S11 เปิดเผยว่า ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของ S11 ในราคาหุ้นละ 5.30 บาท ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมต่อปัจจัยพื้นฐาน คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อ หุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 20.38
เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น จากผลกำไรสุทธิของบริษัทในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่น่าสนใจ และมีส่วนลดให้แก่นักลงทุนกว่าร้อยละ 50 เมื่อเปรียบเทียบกับ PER ของคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
โดย S11 จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นร้อยละ 13.05 ของทุนชำระแล้วภายหลังเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แบ่งเป็นการเสนอขายต่อบุคคลทั่วไปประมาณ 52.5 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณบริษัทฯ ประมาณ20 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อนักลงทุนสถาบันประมาณ 7.5 ล้านหุ้น มีบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่าย และรับประกันการ จำหน่ายในครั้งนี้ พร้อมทั้งผู้ร่วมจัด จำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเปิดให้จองซื้อหุ้น IPO ระหว่างวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ 2558 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่ง ประเทศไทย หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ได้ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2558 นี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อ ขายว่า “S11”
“การกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ S11 ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม และมีความน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจาก S11 เป็นบริษัทที่มีศักยภาพและมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้มาอย่างยาวนาน ในระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ก่อตั้ง บริษัทฯ มีรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับราคาขายหุ้น IPO ที่ 5.30 บาท/หุ้น มีส่วนลดให้แก่นักลงทุนในระดับที่น่าสนใจ จึงมั่นใจว่าหุ้น S11 จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุน” นายชาญชัย กล่าว
ด้าน นายสุรศักดิ์ เข็มทองคำ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอส 11 กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ S11 เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการ ประกอบกิจการ และขยายธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีศักยภาพทางการเงินแข็งแกร่ง นำมาซึ่งความพร้อมในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น และจากการมีช่องทางการ ระดมทุน ทำให้เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ ตลอดจนขยายส่วนแบ่งการตลาดได้เพิ่มขึ้นในอนาคต
สำหรับเป้าหมายภายใน 3 ปีข้างหน้า บริษัทฯ จะขยายพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าอัตราการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ในแต่ละปี เมื่อเทียบกับยอดสัญญาปล่อยใหม่ในปีก่อนหน้า และกำหนดเป้าหมายในการรักษาสัดส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อลูกหนี้หลังหักดอกเบี้ยเช่าซื้อที่ไม่ถือเป็นรายได้ที่ระดับไม่เกินร้อยละ 10 ในสภาวะ กติ และไม่เกินร้อยละ 15 ในสภาวะไม่ปกติ มุ่งเน้นการปล่อย สนเชื่อไปที่ตลาดเดิม เนื่องจากมีช่องทางที่ ข้าถึงจำนวนลูกค้าได้อีก มาก แม้การแข่งขันในตลาดจะค่อนข้างรุนแรง แต่ในช่วงที่ผ่านมา ริษัทฯ สามารถมีส่วนแบ่งการตลาดในทุกพื้นที่ที่เข้าไปทำการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความสามารถในการแข่งขันที่ดี
ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนที่ผ่านมา (30 กันยายน 2557) สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อในแต่ละพื้นที่ของบริษัทฯ ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70.6 พื้นที่ชลบุรี ร้อยละ 17.30 อยุธยา ร้อยละ 8.65 ฉะเชิงเทรา ร้อยละ 0.98 ระยอง ร้อยละ 1.97 จันทบุรี ร้อยละ 0.48 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีความตั้งใจขยายธุรกิจไปยังทุกภูมิภาคของประเทศที่น่าสนใจ เพื่อปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศให้เพิ่มขึ้น
“ทีมผู้บริหารบริษัทฯ อยู่ในธุรกิจการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ จักรยานยนต์มายาวนานกว่า 20 ปี ทำให้เรามีความเข้าใจในการประกอบธุรกิจนี้อย่างลึกซึ้ง ประกอบกับการมีบุคลากรที่มีความ เชี่ยวชาญในแต่ละส่วนงานที่คอยสนับสนุนภาพรวมธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถทำงานได้อย่างมีระบบ และรวดเร็ว พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตขึ้นได้มาก นอกจากนี้ บริษัทฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์มาอย่างยาวนาน และยังมุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับตัวแทนจำหน่ายอย่างใกล้ชิด โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ ทำให้เรามีศักยภาพทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต” นายสุรศักดิ์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังของ บริษัทฯ นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา ในปี 2554-2556 มีรายได้รวมเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 75.36 ล้านบาท 400.24 ล้านบาท และ 689.49 ล้านบาทตามลำดับ กำไรสุทธิอยู่ที่ 10.69 ล้านบาท 75.10 ล้านบาท และ 116.31 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนแรก ปี 2557 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้รวม 677.99 ล้านบาท