ไพโอเนียร์มอเตอร์ ตั้ง “แอสเชทโปร แมเนจเม้นท์” เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เตรียมความพร้อมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เล็งเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันสินค้าจากต่างประเทศ พร้อมทดแทนสินค้านำเข้า และเตรียมรุกขยายฐานลูกค้าไปต่างประเทศ
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์มอเตอร์ จำกัด หรือ PIMO หนึ่งในผู้นำทางด้านการผลิตและจัดจำหน่ายมอเตอร์ สำหรับเครื่องปรับอากาศ (Air Movement Motor) มอเตอร์กำลัง (Induction Motor) และ เครื่องสูบน้ำ(Submersible Pump) ที่มีประสิทธิภาพสูง เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แต่งตั้งบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากบริษัทฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญของการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้บริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจและเพิ่มกำลังการผลิต
ปัจจุบันบริษัทฯ มีโรงงานผลิตอยู่ที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรงงานที่ผลิตมอเตอร์ที่มีการใช้เทคโนโลยีการผลิตอุปกรณ์มอเตอร์ที่ทันสมัย เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพออกสู่ตลาด ตอบสนองความต้องการของลูกค้า มีการขนส่งสินค้าที่ตรงต่อเวลาและยังมีบริการหลังการขายที่มีคุณภาพ ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ เนเธอร์แลนด์ ตะวันออกกลาง และญี่ปุ่น และส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง และมีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นทุกๆ ปี
นายวสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นโรงงานผู้ผลิต มอเตอร์เครื่องปรับอากาศ (Air Movement Motor) มอเตอร์กำลัง (Induction Motor) และเครื่องสูบน้ำ (Submersible Pump) ที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้ตราสินค้า “Pioneer” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าจากต่างประเทศ พร้อมทดแทนสินค้านำเข้า และเตรียมขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทฯ กล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างของบริษัทฯ และการเตรียมความพร้อมต่างๆ เพื่อรอยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) แก่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยจะยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 3 ปี ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2554-2556 บริษัทฯ มีรายได้ในปี 2554 มูลค่า 362 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 470 ล้านบาทในปี 2556 และมีกำไรสุทธิ ในปี 2554 เป็นจำนวน 6.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิในปี 2557 จำนวน 29.9 ล้านบาท โดยรายได้มาจากสินค้าประเภทมอเตอร์แอร์คอนดิชันนิงเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนรายได้ในประเทศร้อยละ 70 และต่างประเทศร้อยละ 30