หุ้นปิดลบ 6.41 จุด เจอแรงขายทำกำไรกดดัน แนะจับตา “กรีซ-รัสเซีย” อาจมีปัจจัยเชิงลบ ขณะที่นักลงทุนกังวล “เฟด” ส่งสัญญาณรีบปรับขึ้น ดบ. เร็วกว่าที่คาดไว้ อาจส่งผลให้ “คิวอี” ของยุโรปไหลไปกระจุกตัวที่สหรัฐฯ ไม่กระจายไปยังภูมิภาคอื่น ซึ่งการปรับ ดบ.ของสหรัฐฯ ในรอบนี้ถือว่าเป็นมุมมองที่เปลี่ยนไป
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (29 ม.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,586.40 จุด ลดลง 6.41 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.40% มูลค่าการซื้อขาย 53,753.32 ล้านบาท โดยดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,599.49 จุด และดัชนีตลาดหุ้นอยู่ที่ 1,582.36 จุด
นายสมชาย เอนกทวีผล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยแกว่งผันผวนทั้งวัน ดัชนีพยายามปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่ก็ถูกแรงขายทำกำไรกดดัน ซึ่งการเคลื่อนไหวของดัชนีในลักษณะนี้จะเห็นได้ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ เนื่องจากโดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยไร้ปัจจัยบวกใหม่ อีกทั้งตอบรับข่าวการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยนโยบายผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางยุโรปไปพอสมควร
นอกจากนี้ ยังต้องระวังปัจจัยลบที่อาจจะเข้ามากระทบในช่วงสั้น ได้แก่ กรณีปัญหาผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ ภายหลังผลการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่พรรคไซรีซาได้รับชัยชนะ รวมถึงภาวะหนี้ของรัสเซีย และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาเมื่อวันก่อนก็ค่อนข้างไม่ดีมากนัก
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยืนยันพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงกลางปีนี้ จึงทำให้นักลงทุนกังวลว่า หากสหรัฐฯ รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เม็ดเงิน QE ของยุโรปจะไหลเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ อย่างกระจุกตัว ไม่เกิดการกระจายตัวไปยังตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น ถือว่าเป็นมุมมองที่เปลี่ยนไป ซึ่งแต่เดิมมองว่าการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสะท้อนถึงการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ด้วยเงื่อนไขที่เปลี่ยนไป หลังจาก ECB ออกมาตราการ QE ขนานใหญ่ มุมมองต่างๆ จึงเปลี่ยนไป
ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้ คาดว่าหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนกรอบแคบอิงทางลง เนื่องจากไร้ปัจจัยบวกใหม่ และยังมีปัจจัยลบต่างๆ ในช่วงสั้นที่อาจจะเข้ามากระทบบรรยากาศการซื้อขาย กลยุทธ์ แนะซื้อหุ้นจังหวะดัชนีอ่อนตัว ในกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐ เช่น กลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มสื่อสาร พร้อมประเมินแนวรับ 1,570-1,575 จุด แนวต้าน 1,590 จุด+/-