ประธาน ตลท.เผยแนวทางหารือร่วมกับ ก.ล.ต.เตรียมออกกฎเกณฑ์การลงทุนเพื่อขยายโอกาสให้บริษัทร่วมทุนของไทยสามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งในรูปแบบของ primary listing และ secondary listing เน้นกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม
นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ในการวางกฎเกณฑ์เพื่อออกใบอนุญาตให้แก่บริษัทร่วมทุนโดยคนไทยที่ออกไปลงทุนในต่างประเทศในลักษณะ โฮลดิ้ง คอมปานี สามารถนำบริษัทร่วมทุนดังกล่าวเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเพื่อระดมทุนขยายธุรกิจเพิ่มเติม ทั้งในรูปของการจดทะเบียนแบบ primary listing และ secondary listing โดยขณะนี้มีบริษัทของไทยขนาดใหญ่ที่เข้าไปลงทุนในกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่จะประกอบธุรกิจด้ายโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคด้านพลังงาน และประปา ตลอดจนถึงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และนิคมอุตสาหกรรม และการบริการด้านลอจิสติกส์
“ปัจจุบันทาง ตลท.และ ก.ล.ต. ได้วางหลักเกณฑ์ร่วมกันเพื่อเปิดโอกาสให้กับบริษัทจดทะเบียนที่ไปทำธุรกิจยังต่างประเทศ ได้สามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยได้โดยตรงเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเตรียมวางหลักเกณฑ์เพื่อให้บริษัทให้บริษัทต่างประเทศสามารถเข้ามาจดทะเบียนได้โดยตรงในตลาดหุ้นไทยอีกแนวทางหนึ่งด้วย”
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่า การค้าระหว่างไทย และกลุ่ม CLMV มีการขยายตัวต่อเนื่อง โดยสัดส่วนการส่งออกมีสูงถึง 8% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งใกล้เคียงกับการส่งออกไปยุโรป และสะท้อนถึงการลงทุนที่จะตามมา ส่งผลให้ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนของไทยจำนวนมากเข้าไปลงทุนใน 4 ประเทศดังกล่าว และการออกเกณฑ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะส่งผลให้บริษัทที่ออกไปลงทุนกลับเข้ามาจดทะเบียนในไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน โดยบริษัทร่วมทุนของไทยในลักษณะดังกล่าวที่เข้าเกณฑ์ได้แก่ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ หรือ CKP บริษัทย่อยของ บมจ.ช.การช่าง หรือ CK ซึ่งเข้าไปประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศลาว และ บมจ.อมตะ วีเอ็น หรือ AMATAV ซึ่งประกอบธุรกิจด้านนิคมอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการในลักษณะการร่วมทุน และเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย จะส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น