เจ้าสัว “ธนินท์” เผย “เครือซีพี” จับมือ “อิโตชู” ยักษ์ด้านการค้าชั้นนำของญี่ปุ่น เพื่อเข้าลงทุนใน “CITIC” กลุ่มธุรกิจใหญ่ของจีน เป็นเป็น บจ. ขนาดใหญ่ที่สุดในตลาดฮั่งเส็ง โดยมีเป้าหมายที่จะผนึกกำลังเพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้าการลงทุน ทั้งในเอเชีย และทั่วโลก ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของภาคธุรกิจในเอเชีย เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเติบโตสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก แย้มมูลค่าการลงทุนสูงถึง 3.5 แสนล้านบาท
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ และอิโตชู คอร์ปอเรชั่น บริษัทการค้าชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นได้เข้าไปลงทุนในบริษัท ซิติก ลิมิเต็ด จำกัด (CITIC Limited) ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่ และทำธุรกิจหลากหลายที่สุดแห่งหนึ่งของจีน และถือเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (ดัชนีฮั่งเส็ง)
ทั้งนี้ นับเป็นการสร้างความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่ระหว่างบริษัทชั้นนำของเอเชีย ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น และจีน โดยมีเป้าหมายที่จะผนึกกำลังเพื่อแสวงหาโอกาสทางการค้าการลงทุน ทั้งในเอเชีย และทั่วโลก ซึ่งจะเสริมศักยภาพของภาคธุรกิจในเอเชียให้โดดเด่นบนเวทีโลก โดยในส่วนของเครือเจริญโภคภัณฑ์นั้นการร่วมทุนนี้จะช่วยขยายโอกาสธุรกิจด้านเกษตรอุตสาหกรรม และอาหาร การค้าปลีก และการค้าระหว่างประเทศ และอื่นๆ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญของทุกฝ่าย ซึ่งมั่นใจว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นการค้า และส่งเสริฒการลงทุนในไทย และทั่วภูมิภาค
การร่วมลงทุนระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ และอิโตชู ในครั้งนี้ได้ตกลงให้บริษัท เจียไต๋ ไบรท์ อินเวสต์เม้นท์ จำกัด หรือซีที ไบรท์ (CT Bright) ซึ่งเป็นบริษัทที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ และอิโตชูเป็นเจ้าของร่วมกันในสัดส่วน 50:50 เข้าไปลงทุนในซิติก ลิมิเต็ด รวมทั้งสิ้น 80,000 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 343,000 ล้านบาท โดยร่วมกันลงทุนฝ่ายละประมาณ 171,500 ล้านบาท
ทั้งนี้ การลงทุนประกอบด้วย 2 ธุรกรรม ได้แก่ ธุรกรรมแรก ซีที ไบรท์ จะซื้อหุ้นซิติก ลิมิเต็ด จำนวน 2,490,332,363 หุ้น คิดเป็น 10% ของหุ้นซิติก ลิมิเต็ด มีมูลค่าประมาณ 150,000 ล้านบาท และหุ้นดังกล่าวถือครองโดย ซิติก กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลจีน ปัจจุบันถือครองหุ้น จำนวน 78%ในซิติก ลิมิเต็ด
ส่วนธุรกรรมที่ 2 เป็นการลงทุนโดยการซื้อหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ ซึ่งซิติก ลิมิเต็ด จะออกหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ จำนวน 3,327,721,000 หุ้นแก่ซีที ไบรท์ คิดเป็นมูลค่า ประมาณ 194,000 ล้านบาท ทั้ง 2 ธุรกรรมนี้มีราคาซื้อขายตกลงกันอยู่ที่ 13.80 เหรียญฮ่องกงต่อหุ้น หรือประมาณ 58 บาทต่อหุ้น
การซื้อขายหุ้นครั้งนี้จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และการออกหุ้นบุริมสิทธิจะต้องได้รับอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นอิสระรายย่อยของซิติก ลิมิเต็ด ในการประชุมผู้ถือหุ้นซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เมื่อการดำเนินการทั้งสองธุรกรรมเสร็จสิ้น จะส่งผลให้ซีที ไบรท์ เป็นผู้ถือหุ้นในซิติก ลิมิเต็ด คิดเป็นสัดส่วน 20% ของหุ้นซิติก ลิมิเต็ดทั้งหมด
นายฉาง เจิ้นหมิง ประธานกรรมการ บริษัท ซิติก ลิมิเต็ด เปิดเผยว่า การที่เครือเจริญโภคภัณฑ์และอิโตชูเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นครั้งนี้ ทำให้ ซิติก ลิมิเต็ด มีผู้ถือหุ้นที่หลากหลาย และสามารถระดมเงินจากการเพิ่มทุนได้อีกประมาณ 46,000 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือประมาณ 194,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปพัฒนาธุรกิจต่างๆ ของซิติก ลิมิเต็ด รวมทั้งลงทุนในโอกาสใหม่ๆ ที่สอดคล้องต่อการพัฒนาของจีน
นายมาซาฮีโร่ โอกาฟูจิ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวว่า อิโตชู พยายามมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในจีน และเอเชีย เครือเจริญโภคภัณฑ์ และซิติก ซึ่งต่างเป็นบริษัทชั้นนำของภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่าการร่วมทุนนี้จะเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ตลอดจนเสริมความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น จีน ไทย และประเทศในเอเชีย
“อิโตชูเติบโตก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบันนี้เป็นเพราะความทุ่มเท และอุทิศตนของผู้บริหารในรุ่นก่อนๆ การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นผลของความพยายามในการสร้างธุรกิจของเราในจีนมาตั้งแต่ได้รับ การยกย่องจากรัฐบาลจีนให้เป็น “บริษัทการค้าที่เป็นมิตร” (Friendly trading house) เมื่อปี 2515” นายมาซาฮีโร่ กล่าว
ทั้งเครือเจริญโภคภัณฑ์ และอิโตชูนั้นถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนในจีนนับตั้งแต่จีนเปิดประเทศ และมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยเมื่อปี 2554 อิโตชู ได้ลงทุนมูลค่า 3,300 ล้านบาท ในธุรกิจการจัดการทรัพย์สินในฮ่องกงของ ซิติก กรุ๊ป และยังได้ลงนามในข้อตกลงร่วมมือเชิงธุรกิจกันอีกด้วย และเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา เครือเจริญโภคภัณฑ์ และอิโตชูได้ลงนามความร่วมมือกันเชิงกลยุทธ์ เพื่อสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจการค้า และการลงทุนไปทั่วโลก
“ความร่วมมือกันระหว่างเครือเจริญโภคภัณฑ์ อิโตชู และซิติก ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของภาคธุรกิจในเอเชีย เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเติบโตสู่การเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ เพราะการผนึกกำลังโดยอาศัยจุดแข็ง เครือข่าย และทรัพยากรร่วมกันของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจซึ่งต่างเป็นผู้นำในตลาดโลก จะก่อให้เกิดการลงทุนในภาคธุรกิจที่หลากหลายประเภท และขยายธุรกิจไปในนานาประเทศมากขึ้นทั้งในเอเชีย และทั่วโลก” นายธนินท์ กล่าว