xs
xsm
sm
md
lg

นักลงทุนเริ่มโฟกัสผลประกอบการ Q4/57 จับตา ECB วันที่ 22 ม.ค.นี้ คาดมีโอกาส 60% ที่จะใช้ QE

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นได้เล็กน้อย ดัชนีปิดบวก 1.79 จุด นักลงทุนเก็งผลประกอบการไตรมาส 4/57 โดยมีการเลือกลงทุนเป็นรายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มสถาบันการเงินเป็นกลุ่มแรกทยอยประกาศออกมา แนะจับตาประชุม ECB วันที่ 22 ม.ค.นี้ คาดมีโอกาส 60% ที่จะใช้มาตรการ QE จะส่งผลบวกต่อหุ้นไทย และเม็ดเงินไหลเข้าตลาดฯ

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (12 ม.ค.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,531.21 จุด เพิ่มขึ้น 1.79 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +0.12 มูลค่าการซื้อขาย 42,287.82 ล้านบาท โดยดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,538.93 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,522.17 จุด ด้านตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ ปิดการซื้อขายที่ระดับ 746.52 จุด เพิ่มขึ้น 8.09 จุด มูลค่าการซื้อขาย 4,801.13 ล้านบาท

สำหรับด้านสัดส่วนผู้ลงทุน มีดังนี้ นักลงทุนประเภทสถาบัน ซื้อสุทธิ 1,139.52 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 564.65ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ขายสุทธิ 2,280.36 ล้านบาท และนักลงทุนในประเทศ ซื้อสุทธิ 576.19 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดฯ ดัชนีเคลื่อนไหวขาขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ แต่ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุนในประเทศส่วนหนึ่ง และการเก็งผลประกอบการไตรมาส 4/57 ของบริษัทจดทะเบียน

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ภาพรวมของดัชนีตลาดหุ้นไทยในวันนี้ดีดตัวขึ้นในแดนบวก ตามลักษณะการลงทุนที่เลือกเก็งกำไรตามผลประกอบการไตรมาส 4/2557 โดยกลุ่มสถาบันการเงินเป็นกลุ่มแรกทยอยประกาศออกมา และเป็นไปตามคาดการณ์ว่า KBANK เป็นหุ้น Top pick ที่เติบโตตามสินเชื่อรายใหญ่

ส่วน BBL, KTB และ SCB แม้จะไม่ได้ตอบโจทย์เรื่องผลประกอบการที่โดดเด่นมากนัก แต่ถ้ามองงบการลงทุน และแนวโน้มผลประกอบการทั้งปี 2558 แล้วยังเป็นหุ้นที่เหมาะต่อการลงทุนกรณีปล่อยกู้ให้แก่รัฐบาลในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ประกอบกับลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการของรัฐบาล เช่น หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์บางส่วน และพลังงานทางเลือกประเภทหม้อแปลงไฟฟ้าที่ขายให้แก่การไฟฟ้านครหลวง

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นวันพรุ่งนี้ คาดว่าจะแกว่งตัว เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยอะไรใหม่ให้ติดตาม นักลงทุนอาจจะเข้าเก็งกำไรตามผลประกอบการไตรมาส 4/2557 ในช่วงกลางเดือนเป็นต้นไป

ส่วนปัจจัยต่างประเทศจะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 22 ม.ค.นี้ ทางฝ่ายวิจัยคาดว่า มีโอกาสสูงถึง 60% ที่ทาง ECB จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในครั้งนี้ หลังตัวเลขเศรษฐกิจค่อนข้างอ่อนแอ

ซึ่งหากใช้มาตรการดังกล่าวจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย เพราะฉะนั้นระหว่างที่รอผลการประชุมเงินทุนจากต่างชาติ (Fund Flow) จะยังไม่เข้ามามากนัก ระหว่างนี้จะเป็นเงินทุนหมุนเวียนจากภายในประเทศมากกว่า

ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวของสถานการณ์การเมืองที่กรีซ ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อภาพรวมเศรษฐกิจยูโรโซนอยู่ แต่ถ้าได้ทราบตัวเม็ดเงินที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 22 ม.ค.นี้ จะได้เห็นข้อสรุปที่ชัดเจนมากขึ้น กลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยซื้อ โดยประเมินแนวรับที่ 1,522-1,520 จุด และแนวต้านที่ 1,548-1,550 จุด

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป มองว่า ปัจจัยภายนอกที่เป็นประเด็นในช่วงนี้คงเป็นเรื่องมาตรการกระตุ้นต่างๆ ทางด้านการเงิน และเศรษฐกิจ โดยประเทศสหรัฐฯ จะมีการประชุมเฟด ในวันที่ 27-28 ม.ค.นี้ คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำต่อไป ขณะที่ ECB จะมีการประชุมวันที่ 22 ม.ค. มีการคาดการณ์ว่า จะใช้มาตรการ QE ออกมา หลังอัตราเงินเฟ้ออออกมาติดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

1.TRUE ปิดที่ 12.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,189.47 ล้านบาท

2.ITD ปิดที่ 7.75 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,563.42 ล้านบาท

3.PTT ปิดที่ 333.00 บาท ลดลง -5.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,457.20 ล้านบาท

4.IFEC ปิดที่ 14.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,405.17 ล้านบาท

5.BBL ปิดที่ 188.00 บาท ลดลง -2.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,264.27 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น