บมจ.คาราบาวกรุ๊ป ไม่แดงตามชื่อ เปิดซื้อขายวันแรก ปรับตัวสูงขึ้น 25% แตะ 35 บาท/หุ้น จากราคา IPO ที่ 28 บาท/หุ้น สวนทาง P/E ของบริษัทฯ ซึ่งอยู่ที่ระดับสูงกว่า 30 เท่า สูงกว่าสัดส่วนในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า อัตรากำไรปกติ 3 ปีย้อนหลังมีการเติบโตปีละ 27% และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยมีราคาที่ถูกลง หลังได้เงินระดมทุนจากการขายหุ้น IPO ไปใช้ในการขยายกำลังการผลิต และลงทุนเครื่องจักรใหม่ อีกทั้งเตรียมนำเงินบางส่วนไปชำระหนี้สถาบันการเงินกว่า 3,000 ล้านบาท ส่งผลต่อต้นทุนดอกเบี้ยที่จะลดลงได้มากกว่า 100 ล้านบาทต่อปี
นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คาราบาวกรุ๊ป หรือ CBG กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างมากกับราคาหุ้นของบริษัทที่เปิดทำการซื้อขายในวันแรก โดยเปิดตลาดขึ้นมา ปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นทันที 25% ขึ้นมาอยู่ที่ 35 บาท/หุ้น จากราคา IPO ที่ 28 บาท/หุ้น จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ ซึ่งก่อนหน้านี้แม้จะมีสำนักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายแห่งออกมาวิเคราะห์ว่า ราคาหุ้นแพงกว่าปัจจัยพื้นฐานความเป็นจริง ซึ่งมองว่าเมื่อเปิดตลาดแล้วอาจจะมีราคาต่ำกว่าจอง แต่ปรากฏว่าในการซื้อขายวันแรกได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี เพราะส่วนหนึ่งนักลงทุนมั่นใจในการบริหารงานของบริษัทฯ และทิศทางการเติบโตต่อไปของธุรกิจ เพื่อตอบรับการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนในปีหน้า โดยมองว่าภายในปี 2560 บริษัทฯ จะขยายกำลังการผลิตเพื่อเพิ่มสัดส่วนสินค้าขายยังต่างประเทศ จากในปัจจุบันที่ 30% เป็น 50%
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหุ้นของบริษัทในขณะนี้อยู่ในสถานะติดไซเรนต์ พีเรียด ในสัดส่วน 55% ของจำนวนหุ้นที่ถือของอยู่ของ 3 ผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท เสถียรธรรม โฮลดิ้งส์ จำกัด, นางสาวณัฐชไม ถนอมบูรณ์เจริญ และนายยืนยง โอภากุล ซึ่งถือหุ้นรวมกันกว่า 60.56% โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 ยังคงยืนกรานที่จะไม่ขายหุ้นในสัดส่วนที่ถือครองอยู่อย่างแน่นอน
ขณะที่นายยืนยง โอภากุล กรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ของ CBG เปิดเผยว่า รู้สึกพอใจกับราคาหุ้น สะท้อนว่าธุรกิจของคาราบาวแดง เป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งจากนี้ไปมีเป้าหมายจะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นทุกราย