การลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดี ซึ่งคนทั่วไปรู้จักประกอบด้วย 1.การฝากเงินกับธนาคารรับดอกเบี้ย 0.50-5.00% ไร้ความเสี่ยง 2.การซื้อสลากออมสิน หรือสลาก ธ.ก.ส. ที่ให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นกว่าการฝากเงินแบบปกติ ไร้ความเสี่ยง 3.การซื้อพันธบัตรรัฐบาล ไร้ความเสี่ยง 4.การลงทุนในทองคำ 5.การลงทุนในหลักทรัพย์ หรือหุ้นที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ 6.การลงทุนผ่านกองทุนรวมประเภทต่างๆ รวมถึงกองทุนระยาวที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่าง LTF RMF แต่หากประเมินจากโอกาสในการสร้างผลตอบแทนได้ในระดับสูง หรือมากที่สุดในเครื่องมือทางการเงินทุกประเภท คงต้องยกให้ต่อการลงทุนในหลักทรัพย์ หรือ “หุ้น” นั่นเอง ....แต่เมื่อเป็นเครื่องมือที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าเครื่องมือประเภทอื่นๆ การลงทุนในหุ้นย่อมมีความเสี่ยงมากกว่าเครื่องมือลงทุนประเภทอื่นๆ เช่นกัน
เพื่อเพิ่มความรู้ความเข้าใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลดการขาดทุน และช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น บางครั้งนักลงทุนต้องรับฟังความคิดเห็น และประสบการณ์จากผู้สำเร็จผลในการลงทุนเพื่อนำไปพิจารณาเปรียบเทียบ แก้ไขจุดเสียในการลงทุนของตนเอง ทีมงาน “I Bissiness by ASTVผู้จัดการ” จึงได้จัดกิจกรรมช่วยเพิ่มศักยภาพในการลงทุนผ่านงานสัมนา “เส้นทางสู่นักลงทุนขั้นเทพ” ในวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2557 ณ โรงแรมตะวันนา ถนนสุรวงศ์ ตั้งแแต่เวลาเวลา 09.00 น. ถึง 12.00 น.
จุดมุ่งหมายในการจัดสัมนาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในการลงทุนที่ถูกต้อง ต่อนักลงทุน โดยจะเชิญวิทยากรที่มีความรู้เรื่องหุ้น ทั้งทางด้านปัจจัยพื้นฐาน และทางเทคนิคที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน มาถ่ายทอดประสบการณ์การลงทุนให้นักลงทุน และผู้ที่สนใจร่วมรับฟัง
โดยวิทยากรที่ให้เกียรติมาถ่ายทอดแนวคิด และประสบการณ์ในงานสัมนาครั้งนี้ ได้แก่ “ประกาศิต ทิตาราม” (ปุย) ที่มาพร้อมกับ “กระทรวง จารุศิระ” (ซัน) และ “ชานน รุ่งเรืองไพฑูรย์” (นิก) 3 นักลงททุนชื่อดังที่ได้รับการยอมรับในวงการตลาดหุ้นไทย ยินดีมานำเสนอมุมมอง และแนวคิดการลงทุนผ่านงานสัมมนาครั้งนี้
สำหรับ “ประกาศิต ทิตาราม” เริ่มศึกษาแนวทางเทนิเคิลมาใช้ในการลงทุนโดยได้รับการสอนความรู้ด้านเทคนิคครั้งแรกจาก อาจารย์วันชัย ธัญญศิริ หลังจากนั้นก็ค้นคว้าตำราหาประสบการณ์เพิ่มเติมด้วยตนเอง จนถึงปัจจุบันได้ศึกษาแนวทางเทคนิเคิลเพิ่มเติมเป็นประจำจากการบรรยายออนไลน์ของ David Waring และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง www.infomedtraders.com โดยมีนามปากกาเลื่องชื่อ “ Wave Riders” ถูกใช้ในการเขียน Blog : Wave Riders
Blogs (waveridersclub.blogspot.com) ซึ่งเริ่มต้นเขียนด้วยความรู้สึกที่ต้องการจะแบ่งปันมุมมอง และความคิดในการลงทุนออกมาให้ทุกคนได้อ่านกัน จึงมีสโลแกนใน Blog ว่า “Just Chatters of technical trader.. เพียงการบ่นพรำของนักลงทุนคนหนึ่ง” แต่กลายเป็นว่าบ่นไปบ่นมามีคนเข้ามาอ่านมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นที่รู้จักมากขึ้น และได้รับการชักชวนให้มาร่วมการบรรยายความรู้ด้านการลงทุนทางเทคนิคอลกับ Stock 2 morrow
ขณะที่ “กระทรวง จารุศิระ” (ซัน) หรือ “Survivor Trader” ผู้ริเริ่มโครงการ ซูเปอร์ เทรดเดอร์ ไทยแลนด์ (Super Trader Thailand) โครงการค้นหาเทรดเดอร์มืออาชีพครั้งแรกของประเทศไทย เพราะการลงทุนคือสิ่งที่ "ซัน Survivor Trader" หลงรักอย่างยิ่ง และต้องการสร้างเวทีในการถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุนสู่นักลงทุนนำมาสู่ความยั่งยืนของการลงทุน หลังตนเองมากล้นด้วยประสบการณ์การลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากว่า 10 ปี จนกลายเป็นกูรูเป็นผู้รู้ข้อมูลตลาดหุ้นไทยอย่างมากแบบรู้ลึกรู้จริงทุกซอกทุกมุม และมีความเชี่ยวชาญการลงทุนในหุ้นพื้นฐาน วิเคราะห์ปัจจัยการลงทุนต่างๆ อย่างถูกต้องแม่นยำ กลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนแนววีไอที่มีคุณภาพ
นอกจากนี้ “ธำรงชัย เอกอมรวงศ์” หรือ “หยง!...เกิดมาเทรด” อีกหนึ่งนักลงทุนรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียง ร่วมให้เกียรติมาเป็นแขกรับเชิญพิเศษ ให้แก่งานครั้งนี้ด้วย
“ทุกวันนี้ผมก็ยังยึดแนวการลงทุนแบบเดิม คือ หากเป็น “หุ้นรายตัว” ส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนในบริษัทที่มีกำไรสุทธิปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งตัวไหนมีการเติบโตของราคาหุ้นด้วยจะชอบมาก นอกจากนั้น ยังชอบลงทุนในบริษัทที่มีแนวโน้มจะมีพันธมิตรที่ดีเข้ามาร่วมทำงาน สุดท้าย คือ จะชอบหุ้นที่โครงสร้างการเงินมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ปกติผมจะถือหุ้นไว้เฉลี่ยประมาณ 1 ไตรมาส เพื่อประเมินมูลค่าของสินทรัพย์ต่างๆ ทุกเดือน หากสถานการณ์ของสินทรัพย์ตัวนั้นยังคงเหมือนเดิมจะยังถือต่อไป แต่หากภายในเปลี่ยนแปลงอาจครอบครองไม่ถึง 3 เดือน ส่วนใหญ่จะพยายามไม่เปลี่ยนตัวเล่นบ่อยๆ เพราะเป้าหมายการลงทุนคือ “ต้องได้ให้คุ้ม” วิธีการคือ จะซื้อเก็บไว้ก่อนประมาณ 5-8 วัน เมื่อทุกอย่างได้รับการคอนเฟิร์มว่า กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นก็จะเริ่มปฎิบัติการณ์ซื้อต่อทันที แต่คงไม่ถือยาวเป็นเดือน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกราฟ”
“หยง” ยืนยันว่า บันไดการลงทุนมี 3 ขั้น 1.เอาตัวรอด (Survival) นักลงทุนคนต้องลองผิดลองถูก เพื่อหาแนวทางการลงทุนของตนเองให้เจอตามสถิติมักใช้เวลา 4-5 ปี 2.ตั้งตัว (Growth) ส่วนใหญ่จะใช้เวลา 10 ปี และ 3.เริ่มมั่งคั่ง (Wealth) ปกติจะใช้เวลาอย่างน้อย 15 ปี “ผมเริ่มหันมาศึกษาการลงทุนในรูปแบบเทคนิคนาน 7 เดือน เมื่อความมั่นใจเริ่มมีมากขึ้นจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาเริ่มต้นอาชีพเทรดเดอร์อย่างเต็มตัว ช่วงนั้นบอกแก่ตัวเองทุกวันว่า หากภายใน 3 ปี ไปไม่รอดในเรื่องลงทุนต้องเดินกลับมาทำงานประจำเหมือนเดิม
“ผมไม่ใช่คนเก่ง แม้วันนี้จะประสบความสำเร็จจากการลงทุนเร็วมาก หากคุณอยากเป็นแบบผมบ้างต้องออกไปลงทุนในตลาดที่ดูแล้วสามารถทำกำไรได้จำนวนมากๆ ความไม่เข้าใจในหลักการบริหารเงินที่ถูกต้อง คือ “เจ๊ง” แต่สุดท้ายเราก็ลุกขึ้นสู้อีกครั้งจนสามารถกอบกู้เงิน 1 ล้านบาทคืนกลับมาได้ โดยใช้เวลาแค่ 11 เดือน กว่าจะพลิกพอร์ตได้เหนื่อยจริงๆ การลงทุนมันไม่หมูนะ หลังจากเจ็บตัวครานั้นก็เริ่มแสวงหาการลงทุนในแบบที่เหมาะต่อตัวเอง”
ด้าน “ชานน รุ่งเรืองไพฑูรย์” ปัจจุบันเป็นผู้จัดรายการวิทยุ คลื่น 95.5 Virgin Hitz (2007-2008), ทีมตัวแทนจัดการซื้อขายสถาบัน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง พร้อมทั้งเป็น Full time Trader and Investor และวิทยากรให้แก่ผู้สนใจด้านการลงทุน
แม้ “นิก ชานน” เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง อายุน้อย แต่ชั่วโมงบินสูง ผ่านประสบการณ์การเทรดในตลาดทุน และตลาดอนุพันธ์ (TFEX) รวมทั้งมีความรู้เกี่ยวกับการลงทุนหลากหลายแขนง เพราะเชื่อว่าอิสรภาพทางการเงินนั้นไม่ใช่เรื่องยากเกินตัว หากมีฐานความเข้าใจเรื่องการเงินที่ดีพอ วิสัยทัศน์คือ สิ่งสำคัญหากอยากจะอยู่รอดในโลกยุคทุนนิยม
“สุนันท์ ศรีจันทรา” บรรณาธิการอาวุโส เจ้าของคอลัมน์จันทราท่าพระอาทิตย์ - ผู้จัดการออนไลน์ กล่าวถึงความสำคัญของงานสัมมนา ว่า ถือเป็นการเปิดโลกการลงทุนให้นักลงทุนได้แชร์ประสบการณ์จากนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะวิทยากรแต่ละท่านเป็นผู้ที่กำลังมีชื่อเสียง และเป็นที่จับตาในวงการ จะมาถ่ายทอดประสบการณ์การลงทุนให้ได้ทราบ
“การเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่นเป็นทางลัดทางหนึ่งที่สามารถแสวงหาได้จากการฟัง ผมคิดว่าการที่นักลงทุนทุกคนจะขึ้นเวทีพร้อมกันเป็นอะไรที่ยากอยู่แล้ว คุณจะได้ฟังแนวทาง แนวคิด การตัดสินใจจากพวกเขาซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในการลงทุน ทุกคนสามารถหารายได้จนเอาชนะเงินเฟ้อได้อย่างสบาย สร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตได้ตั้งแต่อายุยังน้อย” นายสุนันท์ กล่าว
ทั้งนี้ นักลงทุน และผู้ที่กำลังสนใจเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ไม่ควรพลาดเข้ารับฟังมุมมอง และประสบกการณ์จากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงทั้ง 4 ท่าน ผ่านงานสัมนา “เส้นทางสู่นักลงทุนขั้นเทพ” ในวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2557 ณ โรงแรมตะวันนา ถนนสุรวงศ์ บัตรเข้าร่วมงานราคาท่านละ 1,000 บาท สำรองที่นั่งโทร 08-2486-2420 ตั้งแต่วันนี้