นักวิชาการแนะ กนง.คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2.0% ต่อเนื่องถึงกลางปี 58 หวังช่วยกระตุ้นการลงทุน ดันเศรษฐกิจขยายตัว หลังภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น ภาคส่งออกเติบโตต่ำกว่าเป้า
นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (MPA) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตลดลงจากภาคการส่งออกที่ชะลอตัวลง โดยไตรมาส 1 เศรษฐกิจไทยหดตัวร้อยละ 0.5 ก่อนขยับเป็นบวกร้อยละ 0.4 ในไตรมาส 2 ขณะเดียวกัน การบริโภคภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอตัวไปพร้อมกันเป็นผลให้ภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมเติบโตต่ำกว่าเป้าหมาย
อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายที่ร้อยละ 0.5-3 จึงไม่จำเป็นที่ต้องใช้นโยบายการเงินเข้ามากำกับเงินเฟ้อ โดยพบว่า เงินเฟ้อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 1.67 ขณะเดียวกัน การดำเนินมาตรการ QE ของญี่ปุ่นที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเป็น 80 ล้านล้านเยนต่อปีนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณมากนัก เนื่องจากความต้องการเงินเยนในตลาดเงินระหว่างประเทศมีไม่มาก ดังนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จึงไม่จำเป็นต้องเข้าแทรกแซงด้วยนโยบายการเงิน โดยคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 2.0 ต่อเนื่องถึงกลางปี 2558 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่า
“ที่ผ่านมา เครื่องมือทางการคลังไม่สามารถดำเนินการได้คล่องตัว เพราะมีข้อจำกัดในบทบาทหน้าที่จากสถานการณ์ภายในประเทศที่เกิดขึ้น แต่ปัจจุบันเครื่องมือทางการคลังสามารถดำเนินได้คล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดำเนินการแล้ว จึงเห็นควรว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงนี้ควรใช้เครื่องมือทางการคลังแทนนโยบายทางการเงิน ซึ่งสามารถดำเนินการได้คล่องตัวมากกว่า” นายมนตรี กล่าว
