xs
xsm
sm
md
lg

“SPA” ตั้งเป้ารายได้โตเฉลี่ย 15% ปรับแผนเน้นรุกกลุ่มลูกค้าในประเทศเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“วิบูลย์” เผยเป้ารายได้ปีหน้าคาดโตไม่ต่ำกว่า 15% หรือประมาณ 500 ล้านบาท จากการขยายสาขาเพิ่ม แย้มจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการขยายสาขา และทำการตลาดเทรนด์สุขภาพ พร้อมปรับสัดส่วนเน้นกลุ่มลูกค้าภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิมที่มีอยู่ 20%

บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป หรือ SPA เปิดเข้าจดทะเบียนซื้อขายหุ้น IPO แก่ประชาชนทั่วไปในตลาดหลักทรัพย์ mai เป็นครั้งแรก โดยทันทีที่เปิดตลาดเวลา 10.00 น. ราคาหุ้นของ SPA ปรับตัวบวกขึ้นทันทีมาอยู่ที่ 4.70 บาท/หุ้น จากราคา IPO ที่ 1.70 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น 176.47% มูลค่าการซื้อขายที่ 116.56 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวกต่อเนื่องตลอดทั้งวันและช่วงบ่ายราคาขยับขึ้น และปิดที่ 5.10 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาจอง 3.40 บาท คิดเป็น 200.00% ระหว่างวันราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 5.10 บาท ต่ำสุดที่ 4.54 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,431,546 ล้านบาท

ด้าน นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สยามเวลเนสกรุ๊ป หรือ SPA กล่าวว่าบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้คาดว่าจะเติบโตปีหน้าไม่ต่ำกว่า 15% โดยรายได้แตะ 500 ล้านบาท ในปี 2559 จากปีนี้ที่คาดว่าจะใกล้เคียงหรือมากกว่าปีก่อนเล็กน้อยที่ 320 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นใหม่นั้นมาจากจำนวนของสาขาที่จะเปิดใหม่ในปีปลายนี้ จำนวน 3 สาขา โดยใช้เงินลงทุนในการขยายสาขาอยู่ที่ประมาณ 20-30 ล้านบาท ซึ่งจำนวนสาขาทั้งหมด ณ สิ้นปีนี้บริษัทฯ จะมีสาขารวมทั้งหมด 14 สาขา
 
นอกเหนือจากนี้ ในปีหน้าบริษัทฯ วางแผนในการทำตลาดด้วยการเพิ่มสัดส่วนลูกค้าในประเทศเป็น 30% จากปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 20% โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีความใส่ใจเทรนด์ดูแลสุขภาพเป็นหลัก โดยในปี 2558 บริษัทคาดว่ารายได้จะกลับมาเติบโตตามภาวะปกติของเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวที่กลับเข้ามามากขึ้น และได้วางแผนในการทำการตลาด และประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้น ซึ่งหลังจากการได้เงินระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทฯ เตรียมที่จะนำเงินดังกล่าวมาขยายธุรกิจ รวมถึงการบริหารต้นทุนเพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทฯ ใน 3 ไตรมาสแรกของปีนี้ ได้รับผลกระทบจากปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และประชาชนไม่มีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย ทำให้รายได้ไม่เติบโตเป็นไปตามเป้า โดยบริษัทแบกรับต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นจากค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาในปีนี้ รวมทั้งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับต่ำไม่ถึง 10% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าปีหน้าเศรษฐกิจจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
กำลังโหลดความคิดเห็น