ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฯ เผยช่วง 9 เดือนแรกปี 57 ซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 127,536 สัญญา เพิ่มขึ้นถึง 88% จาก 68,017 สัญญาในปี 2556 ปริมาณการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 23,339,171 สัญญา mini SET50 futures และ stock futures ยังเป็นที่นิยมสูงสุด โดย TFEX ยังมุ่งเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขาย พร้อมเดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุนคุณภาพทั้งใน และต่างประเทศ
บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX แจ้งว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 57 มีปริมาณการซื้อขายรวม 23,339,171 สัญญา หรือเฉลี่ยวันละ 127,536 สัญญา เพิ่มขึ้นถึง 88% จากปี 2556 โดยธุรกรรมส่วนใหญ่มาจาก stock futures 56.6% SET50 futures 37.5% และ gold futures 4.8% ขณะที่สถานะคงค้าง (open interest) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 เพิ่มสูงขึ้นจากสิ้นปีก่อนหน้าถึง 301% เป็น 1,367,106 สัญญา โดยมีฐานผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 96,992 บัญชี ทั้งนี้ สัดส่วนการซื้อขายของผู้ลงทุนใน TFEX แบ่งเป็นผู้ลงทุนรายบุคคล 56% ผู้ลงทุนสถาบัน 36% และผู้ลงทุนต่างประเทศ 8% โดยเมื่อวันที่ 25 กันยายน ปริมาณการซื้อขายรวมของ TFEX สามารถสร้างสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เปิดทำการที่ระดับ 524,478 สัญญา
สัญญาซื้อขายหุ้นสามัญล่วงหน้า หรือ stock futures เป็นสินค้าที่มีการซื้อขายสูงที่สุดใน TFEX โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 72,200 สัญญา เพิ่มขึ้นถึง 110% เมื่อเทียบกับปี 2556 ซึ่งการเติบโตสอดคล้องต่อภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ สำหรับหุ้นอ้างอิง 5 ลำดับแรกที่ผู้ลงทุนนิยมซื้อขาย ได้แก่ บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) บมจ.ธนาคารทหารไทย (TMB) และ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ส่วนบริษัทสมาชิกที่มีการซื้อขาย stock futures สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.ภัทร และ บล.เคที ซีมิโก้ โดยในปัจจุบัน TFEX มีหุ้นอ้างอิงสำหรับ stock futures ทั้งสิ้น 60 หุ้น
สำหรับ SET50 futures มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 47,850 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้น 106% จากปี 2556 เนื่องจากมีการปรับขนาดสัญญาให้เล็กลงเป็น 1 ใน 5 ของสัญญาเดิมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย และบริหารพอร์ตลงทุนได้สะดวก และคล่องตัวขึ้น และมีผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาซื้อขายเพิ่มมากขึ้น สำหรับบริษัทสมาชิกที่มีการซื้อขาย SET50 futures สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.เครดิต สวิส (ประเทศไทย) และ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
ทั้งนี้ TFEX ยังมุ่งส่งเสริมสภาพคล่องให้แก่ SET50 options โดยได้รับความร่วมมือจาก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) และ บ.ออสสิริส ฟิวเจอร์ส ในการมาเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องในรูปแบบที่ตั้งราคาเสนอซื้อเสนอขายบนกระดานซื้อขายอย่างต่อเนื่อง (continuous quote) เพื่อให้มีราคาเสนอซื้อเสนอขายในสินค้าดังกล่าวมากขึ้น โดยได้เริ่มทำหน้าที่ดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ คณะกรรมการ TFEX ได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS) สามารถดำเนินธุรกรรมเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน TFEX ได้ โดยเริ่มให้บริการซื้อขายสินค้าทุกประเภทของ TFEX แล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2557
TFEX มุ่งขยายฐานผู้ลงทุนต่างประเทศผ่านหลากหลายกิจกรรม โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ TFEX จะร่วมกับพันธมิตรจัดงาน Trading Asia Symposium 2014 เพื่อให้ข้อมูลการซื้อขายแก่ผู้ลงทุนต่างชาติที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเดือนธันวาคมนี้ กับกิจกรรม Roadshow ที่สิงคโปร์ ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา TFEX ยังได้รับอนุมัติให้เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ผู้ลงทุนในมาเลเซียสามารถเข้ามาซื้อขายได้ สำหรับการขยายฐานผู้ลงทุนในประเทศ TFEX ยังมุ่งเดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุนคุณภาพ ด้วยการให้ความรู้ และจัดกิจกรรมสัมมนาอย่างต่อเนื่อง
บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX แจ้งว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 57 มีปริมาณการซื้อขายรวม 23,339,171 สัญญา หรือเฉลี่ยวันละ 127,536 สัญญา เพิ่มขึ้นถึง 88% จากปี 2556 โดยธุรกรรมส่วนใหญ่มาจาก stock futures 56.6% SET50 futures 37.5% และ gold futures 4.8% ขณะที่สถานะคงค้าง (open interest) ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 เพิ่มสูงขึ้นจากสิ้นปีก่อนหน้าถึง 301% เป็น 1,367,106 สัญญา โดยมีฐานผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 96,992 บัญชี ทั้งนี้ สัดส่วนการซื้อขายของผู้ลงทุนใน TFEX แบ่งเป็นผู้ลงทุนรายบุคคล 56% ผู้ลงทุนสถาบัน 36% และผู้ลงทุนต่างประเทศ 8% โดยเมื่อวันที่ 25 กันยายน ปริมาณการซื้อขายรวมของ TFEX สามารถสร้างสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เปิดทำการที่ระดับ 524,478 สัญญา
สัญญาซื้อขายหุ้นสามัญล่วงหน้า หรือ stock futures เป็นสินค้าที่มีการซื้อขายสูงที่สุดใน TFEX โดยมีการซื้อขายเฉลี่ยวันละ 72,200 สัญญา เพิ่มขึ้นถึง 110% เมื่อเทียบกับปี 2556 ซึ่งการเติบโตสอดคล้องต่อภาวะการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ สำหรับหุ้นอ้างอิง 5 ลำดับแรกที่ผู้ลงทุนนิยมซื้อขาย ได้แก่ บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) บมจ.ธนาคารทหารไทย (TMB) และ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) ส่วนบริษัทสมาชิกที่มีการซื้อขาย stock futures สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.ภัทร และ บล.เคที ซีมิโก้ โดยในปัจจุบัน TFEX มีหุ้นอ้างอิงสำหรับ stock futures ทั้งสิ้น 60 หุ้น
สำหรับ SET50 futures มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 47,850 สัญญาต่อวัน เพิ่มขึ้น 106% จากปี 2556 เนื่องจากมีการปรับขนาดสัญญาให้เล็กลงเป็น 1 ใน 5 ของสัญญาเดิมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย และบริหารพอร์ตลงทุนได้สะดวก และคล่องตัวขึ้น และมีผู้ลงทุนรายใหม่เข้ามาซื้อขายเพิ่มมากขึ้น สำหรับบริษัทสมาชิกที่มีการซื้อขาย SET50 futures สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) บล.เครดิต สวิส (ประเทศไทย) และ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)
ทั้งนี้ TFEX ยังมุ่งส่งเสริมสภาพคล่องให้แก่ SET50 options โดยได้รับความร่วมมือจาก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) และ บ.ออสสิริส ฟิวเจอร์ส ในการมาเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องในรูปแบบที่ตั้งราคาเสนอซื้อเสนอขายบนกระดานซื้อขายอย่างต่อเนื่อง (continuous quote) เพื่อให้มีราคาเสนอซื้อเสนอขายในสินค้าดังกล่าวมากขึ้น โดยได้เริ่มทำหน้าที่ดังกล่าวแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ คณะกรรมการ TFEX ได้อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LHS) สามารถดำเนินธุรกรรมเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าใน TFEX ได้ โดยเริ่มให้บริการซื้อขายสินค้าทุกประเภทของ TFEX แล้ว ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2557
TFEX มุ่งขยายฐานผู้ลงทุนต่างประเทศผ่านหลากหลายกิจกรรม โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ TFEX จะร่วมกับพันธมิตรจัดงาน Trading Asia Symposium 2014 เพื่อให้ข้อมูลการซื้อขายแก่ผู้ลงทุนต่างชาติที่เมืองชิคาโก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเดือนธันวาคมนี้ กับกิจกรรม Roadshow ที่สิงคโปร์ ซึ่งเมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา TFEX ยังได้รับอนุมัติให้เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ผู้ลงทุนในมาเลเซียสามารถเข้ามาซื้อขายได้ สำหรับการขยายฐานผู้ลงทุนในประเทศ TFEX ยังมุ่งเดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุนคุณภาพ ด้วยการให้ความรู้ และจัดกิจกรรมสัมมนาอย่างต่อเนื่อง