xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นพักฐานแตะเบรกตัวร้อนแรง - "ทองคำ"จับตาสัญญาณเฟด&ECB

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV Stock Market ในเครือ ASTVผู้จัดการ นำเสนอรายการ “เข็มทิศตลาดทุน” เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารแนวโน้มการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย และการลงทุนในทองคำ ซึ่งในช่วง“กูรูแนะทิศทาง”ครั้งนี้ "สมภพ กีระสุนทรพงษ์" กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)  ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยว่า เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีหลักทรัพย์ฯปรับตัวขึ้นมาโดยตลอด จนเข้าอยู่ในบริเวณ 1,600 จุด เมื่อเทียบกับเป้าหมายดัชนีที่บริษัทประมาณการณ์ไว้ในปีหน้าที่ระดับ 1,700 จุด แล้วถูกว่าหุ้นไทยตอนนี้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูง ซึ่งจากสถานการณ์นี้ทำให้คาดว่อาจเห็นการปรับฐานบ้าง และได้เห็นนักลงทุนบางกลุ่มนำหุ้นออกมาขายทำกำไร

ทั้งนี้ มองว่าโดยรวมในด้านปัจจัยพื้นฐาน ถือว่าเป็นเชิงบวกต่อนักลงทุนและภาวะตลาด หลังจากประกาศเดินหน้านโยบายการลงทุนต่างๆ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศ เพียงแต่ในช่วงสั้นๆนี้ นักลงทุนต้องมีควรระมัดระวังมากหน่อย เพราะที่ผ่านมาหุ้นปรับตัวขึ้นมามาก

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนนั้น มองว่า คงต้องพิจารณาจากเหตุผลที่ว่าหุ้นในหลายตัว หรือหลายกลุ่มในตลาดปัจจุบันราคาไม่ถูกแล้ว ฉะนั้นสักลงทุนควรระมัดระวังโดยเฉพาะหุ้นที่ร้อนแรง และการขึ้นมาของราคาไม่ซัพพอร์ตกับปัจจัยพื้นฐานทางธุรกิจ ส่วนกลุ่มอื่นๆ คงต้องดูด้วยว่าราคาในปัจจุบันได้สะท้อนปัจจัยพื้นฐานไปแล้วหรือยัง

"สิ่งแรกเลยวินัยการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ ว่าเราควรรู้จักตัวเองว่าเราเป็นนักลงทุนประเภทไหน เช่นนักลงทุนระยะยาว ระยะสั้น หรือนักลงทุนแบบเก็งกำไร และสิ่งต่อมาที่สำคัญคือต้องรู้จักธุรกิจที่เราจะเข้าไปลงทุน ราคาหุ้นตัวนั้นที่เทรดอยู่ในตลาดเป็นราคาที่เหมาะสม หรือสูง หรือต่ำกว่าพื้นฐาน เพื่อที่เราจะมาสามารถนำเอาปัจจัยต่างๆเหล่านี้มาพิจารณาลงทุนได้"
 


ขณะที่ช่วง “ส่องกล้อง Fututrs & Commodity”ด้าน “วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ประเมินทิศทางราคาทองคำในช่วงนี้ ว่า ราคาทองคำยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วงนี้นับว่าแข็งสุดในรอบ 4 ปี โดยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดให้ราคาทองคำมีแนวโน้มและทิศทางเป็นขาลง

ส่วนสถานการณ์ในยุโรป ธนาคารกลางยุโรป(ECB) ออกมายืนยันที่จะใช้มาตรการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในกลางเดือนตุลาคมนี้ อย่างไรก็ตามได้ออกมายืนยันว่าเม็ดเงินที่ใช้อัดฉีดจะไม่สูงเท่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1 ล้านล้านยูโร

"พอเม็ดเงินที่ใช้ในการอัดฉีดของECB ไม่เป็นไปตามที่คาดว่าจะสูงถึง 1 ล้านล้านยูโร ความกังวลต่อการอ่อนค่าของค่าเงินยูโร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวลง จึงได้คลี่คลายลง เห็นได้จากเกิดแรงรับในระยะสั้นกลับเข้ามา ทำให้ราคาทองคำกำลังขยับตัวเพื่อตั้งฐาน"

ทั้งนี้ต้องจับตาดูการอ่อนค่าของราคาทองคำ ซึ่งได้เข้ามาทดสอบที่ระดับต่ำสุด 1,280 เหรียญ/ออนซ์ หากเห็นมีการย่อตัวลงจนใกล้แนวรับดังกล่าว และมีแรงซื้อเข้ามาช่วยพยุงราคาไว้ นักลงทุนสามารถเข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นสำหรับการดีดตัวของราคาทองคำได้
 
อย่างไรก็ตามหากราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้าน 1,230 เหรียญ/ออนซ์ แนะนำให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อลดความเสี่ยง จากแนวโน้มราคาทองคำโดยรวมยังมีการย่อตัวลง แต่หากราคาเหนือ 1,230 เหรียญ/ออนซ์ มองว่าราคาทองคำมีโอกาสไปทดสอบแนวต้านต่อไปที่ 1,250 เหรียญ/ออนซ์ด้วยเช่นกัน

โดยปัจจัยที่ต้องติดตามต่อจากนี้ มองไปที่การแพร่ระบาดของเชื้ออีโบล่า ที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสดังกล่าว นอกจากนี้ยังต้องติดตามรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะมีการส่งสัญญาณต่อกรณีการเตรียมยกเลิกมาตรการQE และอัตราดอกเบี้ยในทิศทางใด
กำลังโหลดความคิดเห็น