ผู้บริหารไอแบงก์ ลั่นเดินหน้าแผนฟื้นฟูกิจการ พร้อมทบทวนการขอเพิ่มทุน 7,000 ล้านบาท ย้ำไม่ยุบรวมธนาคารอื่น พร้อมยอมรับว่า ขณะนี้มีธนาคารต่างชาติเข้ามาหารือเพื่อร่วมมือทางธุรกิจ และเสนอร่วมเป็นพันธมิตรทางหุ้นส่วน
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวว่า การออกแผนฟื้นฟูกิจการหลังตรวจ และประเมินผลดำเนินงานเมื่อได้ทำ (Due Diligence) คาดว่าจะเสร็จวันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 จากนั้นจะเริ่มจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ด้วยการทบทวนการเสนอขอเพิ่มทุนวงเงิน 7,000 ล้านบาท จากกระทรวงการคลัง เพราะไม่ต้องการระดมเงินมากองไว้จำนวนมาก โดยไม่ได้ใช้ประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าขณะนี้มีธนาคารต่างชาติเข้ามาหารือ เพื่อร่วมมือทางธุรกิจ และเสนอร่วมเป็นพันธมิตรทางหุ้นส่วน ขณะนี้จึงต้องเร่งปรับปรุงกิจการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางธุรกิจในช่วง 12 เดือนข้างหน้า จากนั้นจึงเริ่มพิจารณาการขยายธุรกิจ เพราะไอแบงก์มีศักยภาพในการขยายธุรกิจรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และนำเอกชนไทยไปลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมา CIMB, Maybank หารือทางธุรกิจร่วมกันตลอด จึงตั้งเป้าหมายให้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า ไอแบงก์ต้องเป็นธนาคารทางเลือกในการลงทุนของนักลงทุน การเปลี่ยนโฉมธนาคารที่มีจุดยืน มีบทบาทในการผลักดันเศรษฐกิจไทยออกไปสู่ต่างประเทศ
สำหรับการปล่อยสินเชื่อให้ทุกสาขายิ้มต้อนรับลูกค้าด้วยความรู้จริง เพื่อดูแลลูกค้าและแก้ปัญหา หากยังเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพ จากยอดหนี้เอ็นพีแอลปัจจุบันร้อยละ 30-40 เพื่อแก้ปัญหาเอ็นอีแอล และทำแผนเสนอซูเปอร์บอร์ด จึงต้องทำการตรวจสอบลูกค้าอย่างละเอียดทุกรายสำหรับลูกค้ารายใหญ่ 100% จำนวน 126 ราย มูลค่า 45,000 ล้านบาท ส่วนรายกลาง มีจำนวน 200 ราย มูลหนี้ 23,000 ล้านบาท ยืนยันการปล่อยสินเชื่อ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินไม่ผิดหลักศาสนาอิสลาม และไม่ยุบรวมธนาคารกับแห่งใดตามที่เป็นข่าว
สำหรับยอดสินเชื่อรวมปัจจุบันมีจำนวน 110,179 ล้านบาท มีลูกค้าชาวมุสลิมเพียงร้อยละ 8 ส่วนอีกร้อยละ 92 เป็นลูกค้าทั่วไป ปัจจุบันยอดเงินฝากมีจำนวน 106,986 ล้านบาท จากผู้ฝากเงิน 600,000 ราย เป็นชาวมุสลิมร้อยละ 51 โดยในช่วงครึ่งปีแรกเปิดสาขาใหม่ได้ถึง 20 แห่ง คาดว่าหากประเมินสถานะกิจการองค์กรเรียบร้อยในสิ้นเดือนพฤศจิกายนแล้วจะกำหนดแผนฟื้นฟูได้ชัดเจน