“ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป” ยื่นไฟลิ่ง เตรียมขายไอพีโอ 1.4 พันล้านหุ้น หรือคิดเป็น 25.92% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ เผยเตรียมนำเงินไปขยายธุรกิจไก่ และสุกร และโครงการลงทุนอื่นๆ ในอนาคต
นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,400,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.92 ของจำนวนหุ้นสามัญ ที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน หรือ 5,400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
โดย บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป เป็นผู้ผลิตอาหารแบบครบวงจรที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตไก่และสุกรทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม เพื่อจำหน่ายให้แก่นายหน้าขาย ผู้ค้าปลีก โรงเชือด บริษัทค้าปลีกสมัยใหม่ และบริษัทอุตสาหกรรมค้าปลีก ตัวแทนส่งออก และตัวแทนรับซื้อเพื่อส่งออก
ประกอบด้วย 4 สายธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสัตว์ปีก ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่, ธุรกิจสุกร ผลิตและจำหน่ายสุกรมีชีวิต, ธุรกิจอาหารสัตว์เน้นอาหารไก่และสุกร และธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีนและเวชภัณฑ์ การจำหน่ายบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารสัตว์และอุปกรณ์ทางการเกษตรที่ทำจากพลาสติก
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ไปขยายธุรกิจไก่ และสุกร เช่น การก่อสร้างฟาร์มไก่พันธุ์ และฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อเพิ่มเติม นอกจากนี้ จะลงทุนก่อสร้างฟาร์มสุกรทวดพันธุ์ ฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ และโรงเชือดสุกร รวมไปถึงโครงการลงทุนอื่นๆ ในอนาคต ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระหนี้เงินกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป
ด้าน นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFG กล่าวว่า ในธุรกิจสัตว์ปีกนั้น บริษัทมีฟาร์มเพาะพันธุ์เลี้ยงไก่พ่อแม่พันธุ์ จำนวน 15 ฟาร์ม กำลังการผลิต 1,644,000 ตัว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขยายอีก 2 ฟาร์ม คาดแล้วเสร็จ 1 ฟาร์มภายในสิ้นปีนี้ และอีก 1 ฟาร์มภายในไตรมาส 2/58 รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีเครือข่ายเกษตรกรทำสัญญากับบริษัทฯ กว่า 600 ราย รวมกว่า 1,400 ฟาร์ม มีกำลังการผลิตไก่ได้ 2,800,000 ตัว เพื่อจำหน่ายในรูปแบบไก่ทั้งตัว และชิ้นส่วนไก่ เช่น ปีกไก่ อกไก่ น่องไก่ เป็นต้น
ส่วนธุรกิจสุกรนั้น บริษัทมีฐานการผลิตทั้งในไทย และเวียดนาม ดำเนินการตั้งแต่การเพาะพันธุ์ การเลี้ยงเพื่อจำหน่ายสุกรมีชีวิต ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตฟาร์มสุกรทวดพันธุ์ 450 ตัว ซึ่งมีแผนขยายเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ภายในไตรมาส 2/58
ขณะที่ฟาร์มสุกรปู่ย่าพันธุ์ มีกำลังการผลิต 5,300 ตัว ส่วนฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ มีกำลังการผลิต 9,300 ตัว แบ่งเป็นภายในประเทศ 7,900 ตัว และเวียดนามอีก 1,400 ตัว โดยบริษัทฯ มีแผนขยายฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ในประเทศอีก 3 ฟาร์ม คาดแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้กำลังการผลิตสุกรพ่อแม่พันธุ์เพิ่มเป็น 17,400 ตัว เพื่อนำไปผลิตเป็นสุกรขุนก่อนที่จะเลี้ยงและจำหน่ายให้แก่ลูกค้าต่อไป
ขณะเดียวกัน บริษัทยังทำสัญญาระบบเกษตรกรแบบพันธะสัญญา Contract Farms กับเครือข่ายเกษตรกรรวม 260 ราย แบ่งเป็นในไทย 247 ราย เวียดนาม 13 ราย ช่วยเพาะเลี้ยงสุกรขุนเพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้า ซึ่งมีกำลังการผลิตมากกว่า 226,500 ตัว โดยบริษัทฯ มีแผนขยายกำลังการผลิตอีก 82,000 ตัวภายในปี 2559 ผ่านรูปแบบการขยายเครือข่ายเกษตรกรให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทยังได้ดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสัตว์สำหรับไก่ และสุกรเป็นหลัก มีกำลังการผลิตรวม 120,000 ตันต่อเดือน จากฐานการผลิตของโรงงาน 3 แห่ง เพื่อป้อนความต้องการให้แก่ฟาร์มเลี้ยงไก่ และสุกรของบริษัทฯ รวมถึงจำหน่ายให้แก่บุคคลอื่น
นายชัยภัทร ศรีวิสารวาจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 1,400,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 25.92 ของจำนวนหุ้นสามัญ ที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน หรือ 5,400,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
โดย บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป เป็นผู้ผลิตอาหารแบบครบวงจรที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตไก่และสุกรทั้งในประเทศไทย และเวียดนาม เพื่อจำหน่ายให้แก่นายหน้าขาย ผู้ค้าปลีก โรงเชือด บริษัทค้าปลีกสมัยใหม่ และบริษัทอุตสาหกรรมค้าปลีก ตัวแทนส่งออก และตัวแทนรับซื้อเพื่อส่งออก
ประกอบด้วย 4 สายธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจสัตว์ปีก ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไก่, ธุรกิจสุกร ผลิตและจำหน่ายสุกรมีชีวิต, ธุรกิจอาหารสัตว์เน้นอาหารไก่และสุกร และธุรกิจอื่นๆ ได้แก่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัคซีนและเวชภัณฑ์ การจำหน่ายบรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารสัตว์และอุปกรณ์ทางการเกษตรที่ทำจากพลาสติก
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ไปขยายธุรกิจไก่ และสุกร เช่น การก่อสร้างฟาร์มไก่พันธุ์ และฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อเพิ่มเติม นอกจากนี้ จะลงทุนก่อสร้างฟาร์มสุกรทวดพันธุ์ ฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ และโรงเชือดสุกร รวมไปถึงโครงการลงทุนอื่นๆ ในอนาคต ส่วนที่เหลือจะนำไปชำระหนี้เงินกู้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนต่อไป
ด้าน นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TFG กล่าวว่า ในธุรกิจสัตว์ปีกนั้น บริษัทมีฟาร์มเพาะพันธุ์เลี้ยงไก่พ่อแม่พันธุ์ จำนวน 15 ฟาร์ม กำลังการผลิต 1,644,000 ตัว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขยายอีก 2 ฟาร์ม คาดแล้วเสร็จ 1 ฟาร์มภายในสิ้นปีนี้ และอีก 1 ฟาร์มภายในไตรมาส 2/58 รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีเครือข่ายเกษตรกรทำสัญญากับบริษัทฯ กว่า 600 ราย รวมกว่า 1,400 ฟาร์ม มีกำลังการผลิตไก่ได้ 2,800,000 ตัว เพื่อจำหน่ายในรูปแบบไก่ทั้งตัว และชิ้นส่วนไก่ เช่น ปีกไก่ อกไก่ น่องไก่ เป็นต้น
ส่วนธุรกิจสุกรนั้น บริษัทมีฐานการผลิตทั้งในไทย และเวียดนาม ดำเนินการตั้งแต่การเพาะพันธุ์ การเลี้ยงเพื่อจำหน่ายสุกรมีชีวิต ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตฟาร์มสุกรทวดพันธุ์ 450 ตัว ซึ่งมีแผนขยายเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ภายในไตรมาส 2/58
ขณะที่ฟาร์มสุกรปู่ย่าพันธุ์ มีกำลังการผลิต 5,300 ตัว ส่วนฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ มีกำลังการผลิต 9,300 ตัว แบ่งเป็นภายในประเทศ 7,900 ตัว และเวียดนามอีก 1,400 ตัว โดยบริษัทฯ มีแผนขยายฟาร์มสุกรพ่อแม่พันธุ์ในประเทศอีก 3 ฟาร์ม คาดแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ส่งผลให้กำลังการผลิตสุกรพ่อแม่พันธุ์เพิ่มเป็น 17,400 ตัว เพื่อนำไปผลิตเป็นสุกรขุนก่อนที่จะเลี้ยงและจำหน่ายให้แก่ลูกค้าต่อไป
ขณะเดียวกัน บริษัทยังทำสัญญาระบบเกษตรกรแบบพันธะสัญญา Contract Farms กับเครือข่ายเกษตรกรรวม 260 ราย แบ่งเป็นในไทย 247 ราย เวียดนาม 13 ราย ช่วยเพาะเลี้ยงสุกรขุนเพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้า ซึ่งมีกำลังการผลิตมากกว่า 226,500 ตัว โดยบริษัทฯ มีแผนขยายกำลังการผลิตอีก 82,000 ตัวภายในปี 2559 ผ่านรูปแบบการขยายเครือข่ายเกษตรกรให้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ บริษัทยังได้ดำเนินธุรกิจผลิตอาหารสัตว์สำหรับไก่ และสุกรเป็นหลัก มีกำลังการผลิตรวม 120,000 ตันต่อเดือน จากฐานการผลิตของโรงงาน 3 แห่ง เพื่อป้อนความต้องการให้แก่ฟาร์มเลี้ยงไก่ และสุกรของบริษัทฯ รวมถึงจำหน่ายให้แก่บุคคลอื่น