กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงินไทย แนะนักลงทุนอย่าไปกลัวข่าวลือเก็บภาษี LTF เพราะอาจเสียโอกาสการลงทุน แนะปรับสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมในระยะยาว ชี้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังฟื้นยาวยันปีหน้า โอกาสหุ้นไทยแตะ 1,700 จุด เล็งกลุ่ม AEC รับอานิสงส์ฟันรายได้เต็มๆ
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการและที่ปรึกษาสมาคมนักวางแผนการเงินไทย กล่าวว่า คนไทยมีจำนวนน้อยที่จะเข้าลงทุนในหุ้น ซึ่งมักจะเลือกลงทุนเพื่อการออมในกองทุน LTF เท่านั้น โดยก่อนหน้านี้ ปรากฏมีข่าวลือเกี่ยวกับการยกเลิกละเว้นการจัดเก็บภาษี LTF ทำให้นักลงทุนที่เลือกลงทุนในกองทุนประเภทนี้อยู่ มีความไม่มั่นใจที่จะออมการลงทุนในกองทุนนี้ต่อไป หรือปรับพอร์ตการลงทุนใน RMF เพราะสามารถลงทุนแบบผสมผสานแบบระยะยาว ไม่ต้องกังวลความผันผวนมากนัก แต่ทั้งนี้ นักลงทุนไม่ควรเข้าไปเก็งกำไรในกองทุนรวมตลาดเงิน (money market fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในเงินฝากของธนาคาร หรือตราสารหนี้ระยะสั้น ที่มีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี เช่น ตั๋วเงินคลัง ตั๋วแลกเงิน ซึ่งนักลงทุนควรหาจังหวะที่เหมาะสมในการเข้าไปลงทุน เนื่องจากหุ้นปรับตัวขึ้นมาเยอะมากแล้ว
“สภาพตลาดทุนทั่วโลกมีความผันผวน นักลงทุนควรมีความระมัดระวังในการเข้าไปลงทุน ซึ่งตลาดหุ้นส่วนใหญ่มีความกังวลในเรื่องเงินทุนไหลออกมากที่สุด ซึ่งถ้าหากสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย มีแนวโน้มที่เงินทุนจากประเทศต่างๆ ไหลออกกลับไปยังสหรัฐฯ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากนักลงทุนมีความต้องการที่จะเลือกลงทุนควรพิจารณาหุ้นเป็นรายตัว เนื่องจากดัชนีราคาหุ้นมีการปรับขึ้นไปค่อนข้างมากจากผลประกอบการที่ดีขึ้น ส่วนเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศในปีนี้ยังคงมีไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง”
ขณะที่ปัจจัยความเสี่ยงต่างๆ ในขณะนี้ที่กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน จะเป็นสถานการณ์ความรุนแรงในต่างประเทศมากกว่า ทั้งในตะวันออกกลาง และความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ตลอดจนถึงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงปริมาณ หรือ QE ของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยภายในประเทศนั้นเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังความขัดแย้งทางการเมืองตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จนถึงกลางปีนี้ยุติลง ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังยาวต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าจะเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้น โดยบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่มีผลประกอบการที่ดี เริ่มมีการขยายการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศมากขึ้น ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าคาดว่าจะไม่ปรับตัวขึ้นรุนแรง คาดว่าไม่เกิน 0.5% เพราะประชาชนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้แล้วที่จะต้องมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ คือ หุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือ AEC ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร, วัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง, กลุ่มขนส่ง ขณะที่แนวโน้มดัชนี SET INDEX ในปีหน้าคาดว่า จะสามารถปรับตัวขึ้นได้ถึง 1,700 จุด แต่ในระหว่างนั้นอาจมีความผันผวนพอสมควรจากสถานการณ์ต่างๆ