นักวิเคราะห์ เผยหุ้นมีลุ้นแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เชื่อเป็นปัจจัยสำคัญหนุนดัชนียืนเหนือ 1,600 จุด แข็งแกร่ง แนะนักลงทุนจับตาประชุมอีซีบี วันที่ 2 ต.ค.นี้
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า จะได้ปัจจัยหนุนจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการประชุมของอีซีบี ซึ่งตลาดมีความคาดหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
“เรามองว่า ระดับดัชนี 1,600 จุด ใช่ว่าจะผ่านได้อย่างรวดเร็ว เพราะยังมีอะไรที่ต้องติดตาม factor ต่างๆ ยังมีทั้งบวกและลบ”
ทั้งนี้ ตลาดยังต้องระวังแรงขายของกลุ่มทริกเกอร์ฟันด์ ที่ทำผลตอบแทนได้ตามเป้าหมาย แต่ก็อาจจะสมดุลกันกับกลุ่มทริกเกอร์ฟันด์ใหม่ ที่ทยอยออกมาในช่วงนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมองภาพรวมตลาดเป็นขาขึ้น แต่เมื่อปรับขึ้นไปเคลื่อนไหวระดับบนแล้ว อาจจะย่อตัวลงมาบ้าง โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีสัปดาห์หน้า แนวต้านจะอยู่บริเวณ 1,600-1,610 จุด และแนวรับ บริเวณ 1,570 จุด
นายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคที ซีมิโก้ คาดว่า ในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส 3/57 ดัชนีมีโอกาสที่จะขยับขึ้นได้จากความคาดหวังการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (window dressing) และยังได้แรงหนุนจากเม็ดเงินไหลเข้า ตลอดจนคาดหวังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ตลาดยังขึ้นได้อยู่ ไม่มีอะไร เป็นช่วงปิดไตรมาส อาจมี window dressing อยู่ในช่วง earning season รวมถึง flow ที่ไหลเข้ามา”
สำหรับเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ย ทั้งในยุโรปและสหรัฐฯ ยังอยู่ระดับต่ำ ขณะที่เศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียอยู่ในระดับที่ดี ทำให้เม็ดเงินบางส่วน หันมาลงทุนในตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ดี โดยมองสัปดาห์หน้า ดัชนีมีแนวต้านบริเวณ 1,620 จุด และแนวรับบริเวณ 1,580 จุด
ด้านนักวิเคราะห์ บล. เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สัปดาห์นี้รัฐบาลจะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยคาดว่าน่าจะเป็นมาตรการเร่งด่วนที่สามารถทำได้ทันทีและหวังผลได้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี อาทิ การเร่งรัดลงทุนในโครงการขนาดเล็กที่ได้ผ่านการพิจารณามาแล้ว การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ
นอกจากนี้ ยังรวมถึงการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถทำได้รวดเร็วและมีเม็ดเงินออกสู่ระบบ จึงน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่หนุนภาวะการลงทุนในตลาดหุ้น ส่งผลให้ดัชนีในตลาดหุ้นสามารถเคลื่อนไหวได้ถึง 1,600 จุด นอกจากนี้ สิ่งที่นักลงทุนควรให้ความสนใจและต้องติดตาม คือ การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 2 ต.ค.นี้