อีซีมันนี เผยเศรษฐกิจชะลอไม่กระทบธุรกิจ ยอดรับจำนำยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งส่วนลูกค้ารรายย่อย และเอสเอ็มอี คาดทั้งปีโตได้ 40% ตามอัตราปกติ
นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโรงจำนำภายใต้แบรนด์ อีซี่ มันนี่ กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวของยอดรับจำนำประมาณ 30-40% หรือมีวงเงินหมุนเวียนประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน จากอัตราเติบโตเฉลี่ย 50% ต่อปี โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 70% ก็จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งจะนำสินทรัพย์มาจำนำเพื่อไปนำเงินทุนไปหมุนเวียนในระยะสั้นๆ ในอัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน หรือ 15%
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังมียอดการใช้บริการขยายตัวได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรายย่อยที่อาจจะขาดสภาพคล่องไปบ้าง ขณะที่ช่วงนี้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น กลุ่มเอสเอ็มอีก็เริ่มเข้ามาใช้บริการเพื่อนำเงินไปขยายงานหรือซื้อสินค้าเพิ่ม ขณะที่ยอดของปล่อยหลุดอยู่ในระดับ 4% เท่าเดิม
“ยอดของปล่อยหลุดของเรานับว่าน้อย เพราะ 70% เป็นเอสเอ็มอี ซึ่งมักจะมาใช้บริการ เพื่อไปเสริมสภาพคล่องในระยะหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่อาจจะดีกว่าธนาคารพาณิชย์ที่ได้เงินเร็ว วิธีการไม่ยุ่งยาก แล้วดอกเบี้ยก็ไม่สูงเกินไป”
นายสิทธิวิชญ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้นับเป็นปีที่ 10 ของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยได้ให้บริการลูกค้าไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านราย เป็นเงินหมุนเวียนกว่า 57,000 ล้านบาท และสามารถขยายสาขาการให้บริการรวม 29 สาขา บริการตลอด 7 วัน ซึ่งนอกจากเราจะเป็นทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายแล้ว ในเรื่องของการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม มาตรฐาน และเป็นธรรมก็เป็นอีกจุดที่ทำให้ดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ วานนี้ (23 ก.ย.) บริษัทยังได้เซ็นสัญญากับธนาคารพาณิชย์ในการขอสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 750 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการเปิดสาขาเพิ่มเติมซึ่งสาขาแต่ละแห่งใช้วงเงินลงทุน 40-50 ล้านบาท
นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจโรงจำนำภายใต้แบรนด์ อีซี่ มันนี่ กล่าวถึงการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้จะมีอัตราการขยายตัวของยอดรับจำนำประมาณ 30-40% หรือมีวงเงินหมุนเวียนประมาณ 4,000 ล้านบาท หรือ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน จากอัตราเติบโตเฉลี่ย 50% ต่อปี โดยลูกค้าส่วนใหญ่ 70% ก็จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งจะนำสินทรัพย์มาจำนำเพื่อไปนำเงินทุนไปหมุนเวียนในระยะสั้นๆ ในอัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน หรือ 15%
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา แม้เศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังมียอดการใช้บริการขยายตัวได้ดี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรายย่อยที่อาจจะขาดสภาพคล่องไปบ้าง ขณะที่ช่วงนี้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น กลุ่มเอสเอ็มอีก็เริ่มเข้ามาใช้บริการเพื่อนำเงินไปขยายงานหรือซื้อสินค้าเพิ่ม ขณะที่ยอดของปล่อยหลุดอยู่ในระดับ 4% เท่าเดิม
“ยอดของปล่อยหลุดของเรานับว่าน้อย เพราะ 70% เป็นเอสเอ็มอี ซึ่งมักจะมาใช้บริการ เพื่อไปเสริมสภาพคล่องในระยะหนึ่งเท่านั้น ซึ่งเป็นทางเลือกที่อาจจะดีกว่าธนาคารพาณิชย์ที่ได้เงินเร็ว วิธีการไม่ยุ่งยาก แล้วดอกเบี้ยก็ไม่สูงเกินไป”
นายสิทธิวิชญ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้นับเป็นปีที่ 10 ของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยได้ให้บริการลูกค้าไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 3 ล้านราย เป็นเงินหมุนเวียนกว่า 57,000 ล้านบาท และสามารถขยายสาขาการให้บริการรวม 29 สาขา บริการตลอด 7 วัน ซึ่งนอกจากเราจะเป็นทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายแล้ว ในเรื่องของการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม มาตรฐาน และเป็นธรรมก็เป็นอีกจุดที่ทำให้ดำเนินธุรกิจได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ วานนี้ (23 ก.ย.) บริษัทยังได้เซ็นสัญญากับธนาคารพาณิชย์ในการขอสินเชื่อเพิ่มเติมอีก 750 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินสินเชื่อ 3,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะนำเงินดังกล่าวไปใช้ในการเปิดสาขาเพิ่มเติมซึ่งสาขาแต่ละแห่งใช้วงเงินลงทุน 40-50 ล้านบาท