ราคาหุ้น “กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง” ขยับบวกต่อเนื่อง วันนี้ปิดที่ 24.40 บาท ติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด อันดับ 7 และเป็นหุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดอันดับ 3 ของวันนี้ อาจรับข่าวพรุ่งนี้บริษัทจะรับงานรูฟท็อปให้ “อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค” หลังจากตั้ง บ.ย่อยลุยงานผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า
ราคาหุ้นของบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL มาระยะ 3-4 เดือนมานี้ ขยับเพิ่มต่อเนื่อง และจากการติดตามราคาหุ้น GUNKUL ตั้งแต่เดือนมิถุนายนพบว่า เทรดกันอยู่ที่ 13.80 บาท จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับเพิ่มเรื่อยมา กระทั่งเมื่้อ 16 กันยายน 57 ราคาปิดที่ 23 บาท ลดลง 30 สตางค์ มูลค่าซื้อขาย 622.68 ล้านบาท ถือว่าหนาแน่น
ขณะที่วานนี้ ราคาหุ้นซื้อขายหนาแน่นมาก ปิดตลาดที่ 24.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท เพิ่มขึ้น 8.44% มูลค่าซื้อขายหนาแน่นถึง 1,039,482,000 บาท ส่งผลให้วานนี้ หุ้น GUNKUL เป็นหุ้นที่ติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด อันดับ 7 และเป็นหุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดอันดับ 3 ของวันนี้
อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้ (18 ก.ย.) จะมีการแถลงข่าวการรับงานรูฟท็อปให้แก่ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ซึ่งอาจเป็นการรับข่าวกับงานที่จะได้ใหม่เพิ่มขึ้น อันจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และก่อนหน้านั้น GUNKUL เพิ่งจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท กันกุล โซลาร์ คอมมูนิตี้ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ทุนชำระแล้ว 250,000 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท จำนวน 10,000 หุ้น โดย GUNKUL ถือหุ้นในสัดส่วน 99.97%
โดยเป็นแผนงานและเป้าหมายของบริษัทที่ผู้บริหาร GUNKUL มองนั้้น มองแนวโน้มธุรกิจของบริษัท ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประกอบกับปัจจุบัน GUNKUL มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท และเตรียมยื่นประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงประเมินว่าน่าจะผลักดันให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัท GUNKUL เติบโตอย่างต่อเนื่องกว่าที่เป็นอยู่ โดยเชื่อว่ารายได้รวมในปี 57 จะเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 50% หรือ 3,000 ล้านบาท จากปี 56
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 57 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.57 ของบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 104.94 ล้านบาท ซึ่งถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.71 ล้านบาท คิดเป็น 637.45% ส่วนงวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 311.64 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 690.97 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยก็เพิ่มขึ้น 129.89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 36.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 93.52 ล้านบาท คิดเป็นเป็นเพิ่มขึ้น 257.13% เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จนสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครบทุกโครงการ ซึ่งจะยังผลให้บริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และบริษัทย่อยที่บริษัทได้ถือสัดส่วน 26.16 เมกะวัตต์
ราคาหุ้นของบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL มาระยะ 3-4 เดือนมานี้ ขยับเพิ่มต่อเนื่อง และจากการติดตามราคาหุ้น GUNKUL ตั้งแต่เดือนมิถุนายนพบว่า เทรดกันอยู่ที่ 13.80 บาท จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับเพิ่มเรื่อยมา กระทั่งเมื่้อ 16 กันยายน 57 ราคาปิดที่ 23 บาท ลดลง 30 สตางค์ มูลค่าซื้อขาย 622.68 ล้านบาท ถือว่าหนาแน่น
ขณะที่วานนี้ ราคาหุ้นซื้อขายหนาแน่นมาก ปิดตลาดที่ 24.40 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท เพิ่มขึ้น 8.44% มูลค่าซื้อขายหนาแน่นถึง 1,039,482,000 บาท ส่งผลให้วานนี้ หุ้น GUNKUL เป็นหุ้นที่ติดอันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด อันดับ 7 และเป็นหุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดอันดับ 3 ของวันนี้
อย่างไรก็ดี พรุ่งนี้ (18 ก.ย.) จะมีการแถลงข่าวการรับงานรูฟท็อปให้แก่ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ซึ่งอาจเป็นการรับข่าวกับงานที่จะได้ใหม่เพิ่มขึ้น อันจะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และก่อนหน้านั้น GUNKUL เพิ่งจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท กันกุล โซลาร์ คอมมูนิตี้ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ทุนชำระแล้ว 250,000 บาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท จำนวน 10,000 หุ้น โดย GUNKUL ถือหุ้นในสัดส่วน 99.97%
โดยเป็นแผนงานและเป้าหมายของบริษัทที่ผู้บริหาร GUNKUL มองนั้้น มองแนวโน้มธุรกิจของบริษัท ยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประกอบกับปัจจุบัน GUNKUL มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท และเตรียมยื่นประมูลงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงประเมินว่าน่าจะผลักดันให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัท GUNKUL เติบโตอย่างต่อเนื่องกว่าที่เป็นอยู่ โดยเชื่อว่ารายได้รวมในปี 57 จะเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ไม่ต่ำกว่า 50% หรือ 3,000 ล้านบาท จากปี 56
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 57 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.57 ของบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 104.94 ล้านบาท ซึ่งถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 14.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 90.71 ล้านบาท คิดเป็น 637.45% ส่วนงวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 311.64 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 690.97 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยก็เพิ่มขึ้น 129.89 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 36.37 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 93.52 ล้านบาท คิดเป็นเป็นเพิ่มขึ้น 257.13% เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จนสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วครบทุกโครงการ ซึ่งจะยังผลให้บริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม และบริษัทย่อยที่บริษัทได้ถือสัดส่วน 26.16 เมกะวัตต์