บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เตรียมออกหุ้นกู้ RO กว่า 16,000 ล้านบาท หวังระดมทุนจ่ายค่าเข้าซื้อกิจการจาก METRO ในเวียดนาม ในอัตรา 9 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 45 บาท พร้อมเดินหน้าทุ่มงบ 6,000 ล้านบาท ขยายสาขา B-smart เพิ่มเป็น 300 สาขาทั่วประเทศในปี 2561
นางสาวเมทินี อิสรจินดา รองผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมที่จะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 360.43 ล้านหุ้น เพื่อขายให้กับผู้ถือหุ้นรายเดิมตามสัดส่วนที่แต่ละรายถืออยู่ หรือ RO ในอัตรา 9 หุ้นเดิมต่อ 2 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 45 บาท หรือคิดเป็นเงินกว่า 16,000 ล้านบาท โดยขณะนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่คือกลุ่ม ทีซีซี โฮลดิ้ง ซึ่งถือหุ้น 73.77% ได้แสดงความจำนงค์ยืนยันจะใช้สิทธิ์ซื้อหุ้น RO เต็มจำนวน ซึ่งบริษัทคาดว่า จะได้เงินจากการขายหุ้น RO ครั้งนี้ประมาณ 12,000 ล้านบาท ซึ่งจำนวนหุ้นที่เหลือหากผู้ถือหุ้นรายอื่นไม่มีการใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน อาจจะพิจารณาแปลงสภาพขายแบบเฉพาะเจาะจง หรือ PP นอกจากนั้น อาจจะมีการพิจารณาไม่ขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนที่เหลือ แต่จะใช้การกู้เงินเพื่อมาชำระการซื้อกิจการ METRO แทน
“แหล่งเงินทุนจะมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุน 16,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะใช้การกู้เงิน โดยบริษัทฯ กำหนดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 13 ตุลาคม 2557 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์เข้าประชุม 2 กันยายน 2557 เพื่อขออนุมัติวาระดังกล่าว ซึ่งจุดประสงค์ของการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ เพื่อใช้ในการเข้าซื้อกิจการของ METRO Cash & Carry Vietnam Limited) (METRO Vietnam) มูลค่า 28,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในระยะแรกของปี 2558 และหลังจากนั้น 18 เดือน บริษัทจะเปลี่ยนชื่อมาเป็นของ BJC โดยคาดว่าผลประกอบการของ METRO จะถึงจุดคุ้มทุนให้กับ BJC ภายในระยะเวลา 2-3 ปี จากประมาณการรายได้ของ METRO ที่มียอดขายในปี 2556 จำนวนทั้งสิ้นกว่า 20,000 ล้านบาท”
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ตั้งเป้าขยายสาขา B-smart เพิ่มเป็น 300 สาขาทั่วประเทศในปี 2561 จากปัจจุบันอยู่ทั้งสิ้น 95 สาขา โดยบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติงบลงทุนไว้จำนวน 5,000-6,000 ล้านบาท ขณะที่แผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ บริษัทยังคงดำเนินงานตามแผนเดิม ซึ่งบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 3,200 ล้านบาท ใช้ในการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพขยายกำลังการผลิตธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และอีก 1,300 ล้านบาท ใช้ขยายธุรกิจสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค ส่วนที่เหลืออีก 500 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันใช้ไปแล้ว 2,100 ล้านบาท