APCO ส่งผลิตภัณฑ์ Gold Shape บุก 7 Eleven eXta 800 สาขาทั่วประเทศ เตรียมเสนอผู้ถือหุ้นขาย PO 28 ล้านหุ้น มูลค่า 800-900 ล้านบาทในวันที่ 23 กันยายนนี้ ตั้งเป้ายอดขายแตะ 450-500 ล้านบาท คาดรายได้ต่างประเทศปีหน้าเพิ่มเข้ามาไม่ต่ำกว่า 30-40%
นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเชียนไฟโตซูติคอลส์ หรือ APCO กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้คาดว่า จะอยู่ที่ 450-500 ล้านบาท ขณะที่กำไรจากยอดขายในปีนี้จะเติบโตมากกว่าปีที่แล้วไม่ต่ำกว่า 60% ซึ่งแนวโน้มธุรกิจในครึ่งปีหลังจะดีขึ้นกว่าในครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกประชาชนยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัว จึงทำให้ชะลอซื้อสินค้าออกไป แต่ทั้งนี้ เมื่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองยุติลงและเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ทำให้สภาพคล่องในการจับจ่ายใช้สอยเริ่มกลับมา ประชาชนจึงเริ่มมีความมั่นใจในการใช้จ่ายมากขึ้น
“ผลประกอบการงวดครึ่งปี 57 ว่า บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 217.249 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 64.596 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม จำนวน 152.653 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.32% และมีกำไรสุทธิจำนวน 67.082 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.071 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 32.011 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 109.56% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิในปีนี้บริษัทฯ คาดว่า จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 35% จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ประมาณ 19.5% เนื่องจากมียอดคำสั่งซื้อผ่านทางเทเลมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น ทำให้บริษัทไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนค่าใช้จ่ายมากเหมือนไดเร็กต์เซลส์ ซึ่งมีต้นทุนและค่าตอบแทนสูง โดยปีหน้าบริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรสุทธิคาดว่า จะโตไม่ต่ำกว่า 47% เนื่องจากบริษัทเตรียมที่จะว่างสินค้าในร้านสะดวกซื้อ 7 Eleven eXtra กว่า 800 สาขาภายในเดือนกันยายนนี้ โดยจะใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท อีกทั้งจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเข้ามาไม่ต่ำกว่า 30-40% มากกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 10-15%”
นอกจากนี้ APCO จะขยายช่องทางประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ BIM และ Gold Shape ให้แพร่หลายมากขึ้น ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆ จากปัจจุบันมีการเผยแพร่อยู่แล้วใน TNN2, Spring news และNation เพื่อเป็นการเร่งยอดจำหน่ายของช่องทาง Tele Marketing ซึ่งเป็นช่องทางที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงให้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก ขณะที่ในตลาดต่างประเทศจะร่วมมือกับตัวแทนในประเทศต่างๆ ที่ได้มีการลงนามในสัญญาไปแล้วอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับในนานาประเทศ และก่อให้เกิดการรับรู้รายได้ภายในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้
อย่างไรก็ดี จากการที่บริษัทได้เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 28 ล้านหุ้น หรือประมาณ 800-900 ล้านบาท เพื่อไปลงทุนในการพัฒนาสินค้าใหม่และขยายตลาดในปีหน้า ซึ่งคณะกรรมการบริษัทให้ปรับเปลี่ยนวิธีเสนอขายให้บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เป็นการเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering) โดยผู้มีสิทธิในการจองซื้อจะต้องผู้มีอุปการคุณที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของ APCO เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์การดำเนินงาน ที่ต้องการให้เป็นบริษัทมหาชนที่ร่วมสร้างโดยมหาชน บริษัทจะทำการเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 23 กันยายนนี้ ก่อนนำเสนอขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ต่อไปซึ่งแนวทางการเสนอขายหุ้นดังกล่าว จะช่วยลด Dilution Effect กับผู้ถือหุ้นเดิม เนื่องจากทำให้บริษัทได้รับกระแสเงินสดทั้งจากยอดขายและการเพิ่มทุน