แบงก์รัฐเร่งแผนฟื้นฟูกิจการ “ธ.เอสเอ็มอี” ยันไม่มีแผนควบรวม “ธ.ออมสิน”

“เอสเอ็มอีแบงก์” เสนอแผนฟื้นฟูให้ สคร.พิจารณา ระบุหากตัดหนี้เสีย 20,000 ล้าน ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อปีหน้าโตร้อยละ 12 ย้ำชัด ไม่มีแผนควบรวมกับธนาคารออมสิน ส่วนไอแบงก์ ขอเวลา 2 เดือน ทำแผนฟื้นฟูกิจการ

นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดทำแผนฟื้นฟูระยะ 1 ปีเรียบร้อยแล้ว จึงเตรียมเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) พิจารณา หลังจากตรวจสอบสถานะของกิจการ (Due Diligence) งบการเงิน งบลงทุน กระบวนการทำงาน เช่น วิธีการอนุมัติสินเชื่อ ความสามารถการชำระหนี้ รวมถึงจัดอบรมพนักงาน จำนวน 1,600 คน เพื่อกระจายทำงานนอกพื้นที่มากขึ้น

สำหรับแนวทางแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของเอสเอ็มอีแบงก์ การทยอยตัดขายหนี้เสียสำหรับผู้ประกอบไม่ดำเนินกิจการต่อวงเงิน 20,000 ล้านบาท จากยอดหนี้เสียทั้งหมด 34,000 ล้านบาทนั้น แนวทางดังกล่าวจะทำให้หนี้เสียลดลงเหลือร้อยละ 22.72 จากพอร์ตสินเชื่อทั้งหมด 88,000 ล้านบาท ส่วนกระแสข่าวว่า กระทรวงการคลัง มีแผนนำเอสเอ็มอีแบงก์ควบรวมกับธนาคารออมสินนั้น แนวทางดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแผนฟื้นฟู จึงไม่สามารถตอบได้ว่าแผนดังกล่าวจะมีผลดีผลเสียอย่างไร เมื่อดำเนินการตามแผนฟื้นฟูคาดว่าจะทำให้เอสเอ็มอีแบงก์มีฐานะดีขึ้น และสามารถกลับมาปล่อยสินเชื่อได้เหมือนเดิม คาดว่าเป้าหมายสินเชื่อปี 2558 จะขยายตัวร้อยละ 12 หรือประมาณ 12,000 ล้านบาท

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานกรรมการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) กล่าวว่า การจัดทำแผนฟื้นฟูของธนาคารคาดว่าจะเสร็จภายใน 2 เดือน หลังจากจัดทำแผน Due Diligence โดยต้องพิจารณาสถานะลูกหนี้ใหม่ทั้งหมด หลังจากไอแบงก์ รายงานผลดำเนินการมาแล้ว จึงต้องตรวจสอบให้ละเอียด โดยควรแยกหนี้เสียระหว่างลูกหนี้นับถือศาสนาอิสลาม และลูกค้าทั่วไป เนื่องจากเป็นธนาคารที่มีข้อจำกัดเรื่องศาสนา ทำให้เกิดความยากในการแก้ไขปัญหนี้ของไอแบงก์